ตอนนี้ในเมืองไทยจะมีผู้มีญาณทิพย์ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณชนแค่ 3 ท่านนี้มั้งครับ คือ แม่ชีทศพร ริชชี่ และซัน แต่ละคนก็มีผู้คนไปมาหาสู่กันเต็มเลย แบบว่าหากผมจะไปหาท่านเหล่านี้ เพื่อสนธนา ถามเรื่องต่างๆคงต้องจองคิวกันยาว เลย ไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นที่มีญาณทิพย์แต่ไม่ค่อยเผยตัว แบบไม่ดังมาก ไหมครับ เผื่อผมจะได้ไปหาท่านได้สะดวก
ขอบคุณค่ะที่ชี้แจงแล้วต้องขอโทษที่ทำให้คำเมืองเพี้ยนไป เพียงเพราะเรา(จิ้ม)พิมพ์ผิด รับทราบเจ้าค่ะ (kiss)
จริงอย่างที่คุณจิตต์ปภัสสร กล่าวไว้ เป็นเรื่องของ "เวลา " หากว่าเวลานั้นยังมาไม่ถึง ต่อให้อยากเจอมากซักเพียงใด ก็มิได้พานพบ แต่หากปล่อยจิตให้ว่างสบาย ๆ ก็จะได้พาบพบเองอย่างน่าอัศจรรย์....ดังเช่น ตัวดิฉันเมื่อปี 46 อยากเข้าพบแม่ชีทศพร ไม่ได้เจอ แต่ได้มาเจอน้องซันก่อน ตอนปี 47 หลังจากนั้นมา ปลายปี 49 - ปัจจุบัน ได้เข้าไปไหว้แม่ชีทศพร ขออนุญาตกอด สัมผัสร่างกายท่าน หรือแม้แต่ขอเพียงสัมผัสที่ชายผ้าขาวของท่าน ท่านก็เมตตา.... โดยที่ไม่มีลูกศิษย์หนาเป็นกำแพง 10 ชั้น มาขวางกั้น เพราะสหายธรรมพาแหวกฝูงชนทางโล่งอย่าแปลก พอมาถึงตรงนี้ ทำให้นึกทบทวนได้ว่า อ้อ...! ที่ผ่านมาไม่ได้เข้าพบท่านเป็นเพราะ วาระ ยังมาไม่ถึง เจ้ากรรมตัวใหญ่เขาขวางทางอยู่ ตอนนี้กรรมพอเบาบางลงบ้างแล้ว เขาถึงยอมเปิดทางให้ เชื่ออยู่อย่างนึงว่า พอนายเวรคนที่ 1 หลุด นายเวรคนที่ 2..3..4...ฯลฯ ก็รอต่อคิวยาวเป็นหางว่าวอยู่ จนกว่าตัวกระทำดีจะมาแรงแซงโค้ง ตัวกระทำชั่ว นั่นล่ะถึงค่อยสบายหน่อย...... ส่วนประเด็นที่คุณ อยากเจอผู้มีญาณทิพย์ เพื่อพบปะพูดคุย จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้เขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวกันซักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นดาบ 2 คม และถ้าเคยเดินตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป มีบุคคลเหล่านี้อยู่ไม่น้อยกว่า 10 เล่ม เพียงแต่ใคร สำนักพิมพ์ไหน จะมียอดขายติดอันดับ มากที่สุด..... ซึ่งก็คงไม่พ้น 3 ท่าน ที่กำลังฮิตยิ่งกว่าซุปเปอร์สตาร์อยู่ในขณะนี้ ระลึกไว้อยู่อย่างนึงว่า.... ยิ่งอยากเจอจะไม่ได้เจอ แต่ถ้าเมื่อไรไม่อยากเจอ ตัว "เจอ" จะวิ่งเข้าหาคุณเอง หากแม้นคุณมีสายสัมพันธ์กับครูบา อาจารย์ท่านใด เมื่อท่านเมตตาวาระหน้าที่มาถึง ท่านก็จะมาโปรดคุณเอง.....
คุณซันใจดีมาก หน้าตาก็บ่งบอก ยิ่งไปเจอกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณซันอีก ประทับใจค่ะท่านใจดีไม่เคยคิดว่าใครจะมารบกวน กลับช่วยให้กำลังใจ ต้อนรับผู้คนเต็มที่โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความมีน้ำใจจากคุณซันและท่านทั้งสองค่ะ
พรุ่งนี้ 10.00 - 12.00 สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ที่บ้านคุณซัน มาเตือนความจำ เดี๋ยวสาดน้ำเพลินจนลืมไปนะจ๊ะ
ได้อ่านหนังสือของซันชื่อ คนเห็นเคราะห์ ไป 2 เล่ม แล้วได้รู้ถึงกฏแห่งกรรมอย่างเข้าเนื้อเลย คล้ายๆกับหนังสือ เกิดแต่กรรมของแม่ชีทศพร และชอบตอน กุมารทองที่ซันเลี้ยงที่บ้าน ทั้งซนและป่วนคนที่มาหาซัน
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังทุกข์อย่างหนักแล้วไม่สามารถหาทางออกได้ ผมขอแนะนำให้ไปหาซันนะครับ ผมอ่านในหนังสือเล่มที่ 3 ของเขา ในหนังสือเขาบอกว่าเขาเปิดบ้านรับช่วยเหลือผู้กำลังมีเคราะห์ หรือมีทุกข์ เช่น ป่วยเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ โรคร้ายที่รุมเร้าชีวิตอยู่ หรือธุรกิจการค้าตกต่ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือ เจ้ากรรมนายเวรคอยรังควานชีวิต แต่เขาไม่ได้ช่วยพวกที่ต้องการถามว่าจะรวยเมื่อไหร่ การลงทุนดีไหม อะไรประมาณนี้ เขาจะช่วยผู้เดือดร้อนจริงๆ ครับ เขาเปิดบ้านทุกวันอาทิตย์ ที่บ้านของซัน อยู่บางขุนนนท์ เลยสถานีตำรวจบางขุนนท์ ไปถึงซอยวัดภาวนา หน้าปากซอยมีขายส้มตำ หรือถามคนแถวนั้นก็รู้จักครับ เวลาไปต้องต่อคิวนะครับ เพราะคิวยาว บางคนมาจากต่างจังหวัด หากใครไปถึงบ้านแล้วอย่าลืมทักทายกับกุมารทองทั้ง 9 ที่ซันเลี้ยงไว้ด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจโดนพวกเด็กๆ แกล้งเอา เพราะไม่ยอมทักทายพวกเขา ผมขอเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากที่อ่านในหนังสือ ซัน เขามีองค์เทพคุ้มครองอยู่ ซึ่งซันเรียกว่า พ่อใหญ่ ซึ่งก็คือพระศิวะ นั่นเอง ซึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าซัน ถึง 2 ครั้ง เพื่อให้คำแนะนำต่างๆในการแก้ไขปัญหาชีวิตให้กับตัวเองและให้ผู้คนที่มาให้การช่วยเหลือ และพิธีกรรมต่างๆที่ซันรู้มาส่วนใหญ่ พ่อใหญ่ก็แนะนำให้ บางคนเคยทำแท้งมา มาหาซันที่บ้าน เด็กที่ตายมาร้องบอกซันหน้าบ้านว่าทำไม พ่อแม่จึงทำร้ายเขา บางคนเป็นทหารแต่ทำทุจริต จึงเป้นเหมือนอัมพาตยืนตัวตรงไม่ได้ เพราะจะยืนบนแผ่นดินไม่ได้ ซันก็ช่วยให้หายได้ บางคนมาหาซัน ซันก็เปิดตาที่สามของคนที่มานั้นเพื่อให้เขาเห็นอดีตชาติของตัวเองได้ บางคนเคยเปิดพิศดาร เอาเต่า ปลาไหลมาทรมานก่อนจะกิน เลยต้องเป็นคนมีเนื้องอกออกมาเหมือนกระดองเต่า บางคนเคยเกิดเป็นพม่ารุกรานคนไทยสมัยไทยเสียกรุง มีเจ้ากรรมนายเวรเป็นร้อยซึ่งเป็นอดีตคนไทยสมัยนั้นมาทวงหนี้ ซึ่งซันแทบช่วยไม่ได้เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาขอซันไม่ให้ช่วย และที่บ้านซันจะมีอ่างน้ำมนต์ให้ผู้คนที่มีเคราะห์ได้อาบ ตรงลานบ้านกลางแจ้งเลย นี่เป็นตัวอย่างที่ได้อ่านในหนังสือ ใครมีปัญหาร้ายแรงในชีวิต ขอให้ไปหาซันนะครับ อาจจะช่วยได้
พอดีมีคนถามถึงบ้านคุณซัน ขอตอบตรงนี้แล้วกันนะคะ บ้านคุณซันอยู่ในซอยวัดใหม่ภาวนา ปากซอยเป็นร้านขายส้มตำไก่ย่าง เข้าไปข้างในเกือบถึงริมน้ำนะคะแล้วถามหาคนแถบน้ำได้เลยค่ะทุกคนใจดีเป็นกันเองอยู่ติดถนนในซอยเลย
ห้ามถามเรื่องรวย แล้วจะถามอะไรดีล่ะ ก้เรามีแต่ทุกข์เรื่องเงินง่ะ เพื่อนๆลอง บอกหน่อยดิว่าจะถามยังไงดี หรือจะถามว่า เมื่อไหร่ จะหมดปัญหาทางการเงิน นึกไม่ออก
ซันเขาเน้นช่วยเหลือคนที่มีทุกข์กายทุกข์ใจเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ทุกข์อะไรมากแต่อยากร่ำรวย ถูกหวย เขาคงไม่อยากให้ไปหาเขานะครับ เพราะคนที่ไปหาเขาด้วยความทุกข์มีมากอยุ่แล้วคนที่ปารถนาจะร่ำรวยก็ควรจะขยันทำงาน และซื่อสัตย์สุจริตแล้วก็จะรวยเอง ส่วนคนที่ทุกข์เพราะมีหนี้สิน หรือต้องมีภาระเลี้ยงดูครอบครัวแต่เงินทองไม่พอ เขาก็อาจจะแนะนำทางออกที่ดีให้นะครับ คนที่ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรก็ไม่เป็นไร เผื่อว่าหากมีเรื่องทุกข์ร้อนจริงๆ แล้วหาทางออกในทางโลกไม่ได้ ก็ลองไปหาซันได้นะครับ
ขอบคุณครับ เปิดทุกวันอาทิตย์หรือเปล่าครับ เห็นอายุคุณรักไร้พ่าย แล้วก้น่าจะรุ่นเดียวกัน ทั้งคุณ ผม แล้วก้ซัน ถามจริงๆนะว่า ตอนที่ไปเจอครั้งแรกน่ะ อยาก"ลอง" หรือเปล่าครับ ตอนผมซื้อหนังสือที่ร้าน ก็ถามคนขายไปว่า ไปหาคนเขียนมาได้ยังไง ปั้นเอาหรือเปล่า (ปั้นเพื่อขายหนังสือน่ะ) ตอนแรกก็ไม่ได้อยากซื้อน่ะ แต่ไหงไปๆมาๆก็ลองซื้อมาอ่านได้เล่มหนึ่ง อ่านๆไปก็คิดว่าอยากลองไปเที่ยวดูน่ะครับ แต่อยากไปตอนเปิดตำหนัก จะได้ศึกษาด้วย ซันใช่คนทรงไหมครับ หรือผ่านญานเฉยๆ
ขออนุโมทนาครับ ไม่ทราบจะได้พบง่ายๆหรือเปล่าครับ ถ้าไม่เอาเงินหรือเรียกร้องเงินทอง ก็ขออนุโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ
รู้สึกจะเปิดทุกวันอาทิตย์ครับ บ้านของซันเขาเป็นบ้านทรงไทยไม่ใช่เป็นตำหนักหรือสำนัก แต่เขาอยู่กับพ่อแม่และครอบครัว เขาเลี้ยงกุมารทองที่แสนจะน่ารักด้วย ตามที่อ่านในหนังสือที่ซันเขียนไว้ กุมารทองรับทวงหนี้ให้ด้วยครับ ใครเป็นหนี้แล้วไม่ได้คืน กุมารทองช่วยได้ และยังช่วยปราบวิญญาณร้ายได้ด้วยที่มาคอยรังควาน ซันอายุประมาณ 28 ครับ และไม่ใช่คนทรง แต่มีญาณทิพย์ ตอนที่ผมเจอซันที่งานหนังสือ ก็แค่อยากรุ้อยากลอง แต่ขณะที่ผมกำลังยืนรอคิวเพื่อพบซัน ในใจผมก็เกิดปิติขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รุ้สึกได้เลยว่าผมมีพลังมากขึ้นมาเฉยๆ เหมือนพลังที่ฮึกเหิมมากๆ ผมก็คิดว่า คนๆนี้แหละที่จะช่วยผมได้ หรืออาจจะร่วมสร้างปณิธานร่วมกัน เพราะผมตามหาคนอย่างซันมานานแล้ว ซันเขามีพระศิวะคอยชี้ทางชีวิตให้ ส่วนผมเคยมีผู้ทักว่ามีองค์พระพิฆเนศดูแลอยู่ ซึ่งพระพิฆเนศเป็นบุตรพระศิวะ ซึ่งทำตามบัญชาพระศิวะ ในส่วนคัวผมเชื่อเขานะ เพราะตอนที่เขาดูกรรมให้หลายๆคนในงานนั้นผมก็สังเกตหลายๆอย่างเหมือนกัน แต่คนที่มาให้ดูเขาก็รับว่าตรงตามนั้น และเขาทักผมว่าเป็นคนเก็บรายะลเอียดเก่งโดยที่เขามองผมแปปเดียวก็รู้จักผมแล้ว และบอกว่าผมเป็นนักเขียนปรัชญาชีวิตได้ดีเลย ซึ่งผมก็ใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนแนวชีวิตด้วย ผมคิดว่าของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อนะครับ หากจะไปหาซันผมคิดว่าน่าจะมีเรื่องทุกข์ใจต่างๆที่แก้ไม่ตก เพื่อเขาจะได้ช่วย แต่ถ้าไปลองพิสูจน์แล้ว ผมคิดว่ามันอยู่ที่ความเชื่อมากกว่า และอีกอย่างซันเขาก็ไม่มีเวลามากให้ใครมาพิสูจน์ เพราะคนที่มาหาซันนั้นมีทุกข์ร้อนทั้งนั้น และต้องมารอต่อคิวตั้งแต่เช้า คิวยาวมาก เขาช่วยเหลือคนไม่ได้เรียกค่าตอบแทนใดๆนะครับ แถมใครมาที่บ้านเขา พ่อ แม่เขาก็ทำอาหารกลางวันให้ทานฟรีด้วย ผมคิดว่ามีหลายๆคนมากที่อยากพิสูจน์ มันก็ดีครับพิสูจน์ก่อนเชื่ออะไรง่ายๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปพิสูจน์เขาได้ยังไง เพราะรู้สึกจะเข้าถึงตัวเขายากนะครับ หรืออาจต้องไปต่อคิวรอทำเป็นคนมีทุกข์ เมื่อพบเขาแล้วก็ลองถามดู อิอิ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบ เอาเป็นว่าจะไปสังเกตุการณ์ก่อนแล้วกัน ผมเคยไปหา อาจารย์แอ้ด บูรพา นั่นเพื่อนพาไป เพื่อนบอกว่าให้ลองไปแก้เส้นลายมือ ซึ่งจริงๆก็ไม่เชื่อน่ะ แต่ไม่อยากขัด เพราะเพื่อนคนนี้เป็นลูกศิษย์ อ.แอ้ด พอทำพิธี ท่านก็บอกว่า ลายมืออย่างนี้แก้ยาก ต้องทำบ่อยๆ แต่เราก็ทำครั้งเดียวน่ะ เพราะเราไม่รู้สึกอะไร ท่านบอกลายมืออย่างนี้เก็บเงินไม่อยู่ หาได้เท่าไหร่ไหลออกหมด ก็ชั่งมันเถอะ ขอให้มันพอหาได้ก็ยังดีกว่าหาไม่ได้ใช่ไหมครับ ที่เล่านี่คือ วันนั้นเพื่อนบอกว่า เป็นวันที่แปลกมาก ปกติ คนมาหาอาจารย์ ทำพิธีเยอะมาก ทุกๆวันพุธ หรือพฤหัส เนี่ย แต่วันนั้นมีผมคนเดียว แล้วผมก้ต้องรอนานมาก อาจจะเพราะว่าไม่มีคนมาหรืออะไรเนี่ยมั้ง นี่ก็ตั้งใจไว้เหมือนกัน ถ้าได้ไป คงไม่ต่อคิว ถ้าต้องต่อคิวก็คงแค่สังเกตุการณ์นะครับ เพราะจริงๆความทุกข์ของผม เนี่ยจะว่าไป ถ้าไม่คิดก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าคิดก็ทุกข์เจียนตาย ก็เลยไม่รู้ว่าเรียกมันว่าความทุกข์ดีมั้ย55