เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 กุมภาพันธ์ 2025 at 18:32.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6012.jpeg
      IMG_6012.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      259.2 KB
      เปิดดู:
      5
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดมหาธาตุ วรวิหาร ถนนดำเนินเกษม ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเป็นประธานในการทอดผ้าป่าสร้างอาคารเรียนระดับประถมศึกษา ของโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย

    เมื่อไปถึงปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชี้ให้ไปที่ลานจอดรถด้านหลังอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่ทางด้านหน้าใกล้สถานที่จัดงานนั้น ได้มีการกั้นเอาไว้เพื่อให้รถพระเถระได้จอดอยู่เป็นจำนวนมาก กระผม/อาตมภาพจึงโทรหา ผศ.,ดร.ท่านเจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ผศ., ดร. (กล้า วีรรตโน) รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ทำเอาอีกฝ่ายได้ยินก็ถึงกับตาลีตาเหลือก แต่งองค์ทรงเครื่องแทบไม่ทัน..!

    ยังดีที่ ผอ.มด (นางสาวปิยวัน เครือนาค) ผู้อำนวยการโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย มองเห็นเข้าพอดี จึงรีบวิ่งมาบอกเจ้าหน้าที่ให้เปิดเครื่องกั้นให้หลวงพ่อเล็กเข้าไปจอดโดยด่วน ทุกคนเพิ่งจะรู้ว่ารถตรวจการณ์โทรม ๆ คันนี้ ก็คือประธานในการทอดผ้าป่า..!

    ส่วนใหญ่แล้วเขาก็มักจะคิดว่าพระเถระระดับนั้น จะต้องนั่งรถหรูประมาณว่ารถตู้ราคาหลาย ๆ ล้าน ซึ่งตรงนี้จะว่าไปแล้ว ญาติโยมก็ไม่ได้มีความผิด เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้นต้องการความคล่องตัว ไม่ได้ต้องการความสบาย ถือคติมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า "ต้องการความสะดวก ไม่ได้ต้องการความสบาย" รถที่ใช้จึงใช้ตามใจตนเอง ไม่ได้ตามใจสังคม

    เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่รูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถร ป.ธ. ๙) อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลางและอดีตเจ้าคณะภาคทั้ง ๑๘ ภาค อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร ท่านได้ทำตัวอย่างให้ดูมาตลอดชีวิต เนื่องเพราะว่าท่านจะนั่งรถเก๋งโตโยต้า อาร์ที ๑๐๐ สีฟ้าเก่า ๆ คันเล็ก ๆ

    เมื่อถึงเวลามีบรรดารถหรู ซึ่งสมัยนั้นนิยมก็คือเมอร์เซเดส-เบนซ์บ้าง บีเอ็มดับเบิลยูบ้าง วอลโว่บ้าง ตลอดจนกระทั่งนิสสัน ซูเปอร์ซาลูนบ้าง วิ่งกันเข้ามาในบริเวณงาน คนโน้นก็มีที่จอด คนนี้ก็มีที่จอด เพราะว่าเป็นรถราคาแพงมาก แล้วพอใกล้เวลางานก็จะมีรถโตโยต้า อาร์ที ๑๐๐ เก่า ๆ วิ่งต๊อก ๆ ๆ เข้ามาในบริเวณงาน แล้วบรรดาท่านผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมารถราราคาแพงทั้งหลาย ก็ต้องมาเข้าแถวพนมมือต้อนรับ กระผม/อาตมภาพเห็นทีไรก็รู้สึกขำทุกที..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    อีกประการหนึ่ง ตอนที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์ - พระเทพเมธากรณ์ (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) ซึ่งท่านเองก็ใช้รถมาสด้า ๓๒๓ สีแดงเก่า ๆ ถึงเวลาไปไหนก็ไปรถคันนั้น จนกระทั่งท้ายสุด กระผม/อาตมภาพรำคาญตรงที่หาที่จอดยาก เนื่องเพราะว่าเข้าไปเมื่อไรก็จะโดนเจ้าหน้าที่จราจร ไล่ให้ไปจอดสุดกู่ปลายตะโกนทุกที จึงได้ซื้อ "คุณสุบรรณ" คือ รถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีแดง ถวายให้ท่านไปใช้งานแทน..!

    แต่ด้วยความที่ว่าระหว่างที่ยังทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีอยู่นั้น เมื่อถึงเวลารถกลับมาถึง กระผม/อาตมภาพก็จัดการเติมน้ำมัน เช็ดล้างเสร็จสรรพ ตรวจดูน้ำ น้ำมันเครื่อง ระบบเบรก สารพัดอย่างจนเสร็จเรียบร้อย บางที ๔ - ๕ ทุ่มถึงจะได้นอน ตอนเช้าก็สามารถออกเดินทางได้เลย ลูกศิษย์ที่ขับพอเห็นว่ารถนิ่งมากและนิ่มมาก ขนาดเหยียบ ๑๕๐ - ๑๖๐ รู้สึกเหมือนกับขับรถอื่นที่วิ่งแค่ ๙๐ หรือว่า ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ก็เหยียบเป็นการใหญ่ โดยที่ลืมไปว่ายิ่งเหยียบก็ยิ่งกินน้ำมันมาก..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณณรงค์ ส่งกระผม/อาตมภาพไปเป็นเจ้าคณะตำบลที่ทองผาภูมิ ท่านเองก็ต้องดูแลรับภาระรถยนต์คันนั้นเอง ท้ายที่สุด ผ่านไปเดือนเดียวท่านก็จ่ายค่าน้ำมันไม่ไหว มอบให้กับ "ผู้การป๊อด" หลานชายของท่าน ซึ่งเป็นตำรวจยศพันตำรวจเอกอยู่นำไปใช้งานแทน แล้วตนเองก็กลับไปใช้มาสด้า ๓๒๓ สีแดงคันเก่าเหมือนเดิม

    นี่เป็นความสมถะของครูบาอาจารย์และของเจ้าคณะปกครองที่ตนเองได้พบได้เห็นมา กระผม/อาตมภาพเองนั้นก็ใช้คติที่ว่า "ถ้าสะดวกแล้ว ถึงไม่สบายก็ไม่เป็นไร" จึงใช้รถตรวจการณ์อายุ ๑๐ ปีคันนี้ ไปไหนมาไหนก็สะดวกสบาย เพียงแต่ว่าหาที่จอดลำบากหน่อย แม้กระทั่งบางงานที่ไปเป็นประธาน โผล่หน้าออกไปบอกเขาว่า "ถ้าให้อาตมากลับ งานนี้ล่มเลยนะ..!" ก็ยังโดนเขามองจากศีรษะถึงปลายเท้า ประมาณว่า "เอ็งเป็นใคร ? มาจากไหนวะ..!?" จนกระทั่งเจ้าของที่วิ่งมาหมอบราบกราบกราน ถึงได้รู้ว่านี่คือผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงเสียงจริง แต่ความจริงแล้วตัวเล็กนิดเดียว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว บุคคลทั่วไปก็มักจะมองคนแค่เปลือก กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อ ผศ.,ดร.ท่านเจ้าคุณกล้าและ ผอ.มดมากราบขอโทษ ก็ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกเสียด้วยซ้ำไป น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ยังแซวท่านเจ้าคุณกล้าว่า "ถ้าเมื่อครู่นี้ขับออกไปตามที่เขาไล่ ก็จะไม่ย้อนกลับมา แปลว่าเงินล้านลอยตามไปด้วย..!" ทำเอาท่านเจ้าคุณสะดุ้งโหยง พวกเราก็หัวเราะกับเรื่องทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นปกติของชาวโลก เพียงแต่ว่าถ้าถือสาหาความก็คงจะเกิดโทสะได้ไม่เว้นแต่ละวัน..!

    วันนี้พระเถระที่มานั้น จะว่าไปแล้วก็มีจำนวนมาก แต่ว่าส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกันทั้งสิ้น อย่างหลวงพ่อ ดร.เจ้าคุณประเทือง - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทร (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี

    พระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ. ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ. ๙) ท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสิทธิ์ รองเจ้าคณะภาค ๑๕ ประธานดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง

    พระเดชพระคุณพระราชสมุทรวชิรโสภณ, ผศ. ดร. (โสภณ ธมฺมโสภโณ) เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทร วรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะ ๑๕ เหล่านี้เป็นต้น

    ถึงเวลาก็นั่งคุยกัน จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณพิมพ์ - พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ มาถึง กราบกรานท่านได้ครู่เดียว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง องค์ประธานในพิธีก็มาถึง จึงได้เริ่มดำเนินงานกันไปตามปกติ

    ครั้นกระผม/อาตมภาพถวายผ้าป่าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปฉันเพลร่วมกับพรรคพวก แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อ ดร.เจ้าคุณประเทืองหนีจากโต๊ะกลางมายังโต๊ะเดียวกัน คงประมาณว่าถ้าฉันเพลอยู่ในกลุ่มพระผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว จะอึดอัดหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ จึงลงมาเป็นเพื่อนคุยกับกระผม/อาตมภาพทางโต๊ะท้ายแทน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    แต่ท้ายที่สุด พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ก็กวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างท่าน แล้วก็สอบถามสิ่งต่าง ๆ ที่สงสัย ประมาณว่าวัดวาอารามเป็นอย่างไรบ้าง ? พระภิกษุสามเณรเป็นอย่างไรบ้าง ? โดยมีบรรดาพระเถระต่าง ๆ โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าคุณพิมพ์ "ไซโค" เป็นการใหญ่ว่า วัดท่าขนุนนั้นเลิศเลอเพอร์เฟ็คแบบไหน กระผม/อาตมภาพฟังจนกระทั่งเต็มสองหูดีแล้ว ก็กราบขออนุญาตออกมาทักทายกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งจบปริญญาเอกรุ่นเดียวกันหลายต่อหลายราย ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ก็สอนอยู่ในวิทยาลัยสงฆ์ราชบุรีบ้าง วิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรีบ้าง

    โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าคุณวัดคงคาราม ซึ่งท่านเป็นรุ่นครูบาอาจารย์ อายุเลยเกษียณแล้ว ก็คือพระวิสุทธิวรกิจ, ดร หลวงพ่อเจ้าคุณท่านบอกว่า "ช่วยคนอื่นมามากแล้ว ช่วยวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรีสักนิดเถอะครับ ผมขอไม่มาก ขอที่แค่ไร่เดียว ผมกำลังจะซื้อที่ดินในการสร้างวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรีใหม่ เนื่องเพราะว่าแต่เดิมที่ตั้งอยู่ที่วัดพระรูปนั้นคับแคบจนเกินไปแล้ว" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ถ้าเริ่มงานเมื่อไร หลวงพ่อให้เพื่อน ๆ แจ้งผมมาก็แล้วกัน ยินดีที่จะช่วยครับ"

    จากนั้นก็ขอตัวกับทุกคน วิ่งไปยังวัดชลธราราม (ท่าซิก) หมู่ที่ ๖ ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยที่หลวงพ่อญา (พระครูวัชรชลธรรม) เจ้าคณะอำเภอท่ายาง เจ้าอาวาสวัดชลธราราม (ท่าซิก) นั้น ยังติดแหงกอยู่ที่โต๊ะหลวงพ่อสมเด็จฯ หนกลาง ไม่สามารถจะปลีกตัวมาได้ ด้วยความที่เกรงใจว่าพระผู้ใหญ่ไม่ลุกก็ไม่กล้าที่จะลุกด้วย..!

    กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดของท่านแล้ว ก็ไปเดินชมศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ที่ท่านใช้ไม้แกะสลักเป็นลวดลายสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทำมา ๒๐ ปีแล้วไม่เสร็จเสียที ปีก่อนโน้นกระผม/อาตมภาพจึงได้นำเอากฐินปลดหนี้มาถวายให้กับท่าน ได้ปัจจัยไปประมาณ ๘ ล้านบาท จึงทำจนกระทั่งใกล้สำเร็จแล้ว เดินดูและถ่ายรูปจนทั่วอยู่พักใหญ่ กว่าที่หลวงพ่อญาจะหลุดออกมาได้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    ท่านเองนิมนต์กระผม/อาตมภาพในวันพรุ่งนี้ ก็คือวันบำเพ็ญกุศลเนื่องจากวันมรณภาพครบรอบปี ของหลวงพ่อพระครูพิพัฒน์วัชรากร อดีตเจ้าคณะอำเภอท่ายาง อดีตเจ้าอาวาสวัดชลธราราม (ท่าซิก) แห่งนี้ ถ้าหากว่าออกสมณศักดิ์ของท่านผิดก็ต้องขออภัย เพราะส่วนใหญ่ก็เรียกกันว่า "หลวงพ่อตี๋" แต่ด้วยความที่พรุ่งนี้กระผม/อาตมภาพติดงานปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อญาท่านก็ไม่ยอมให้ทิ้งงานของท่าน นิมนต์ว่าให้มาวันนี้ก็ได้ โดยใช้คำว่า "หลวงพ่อเล็กมีพระคุณกับผมมาก เมื่อถึงเวลาก็อยากที่จะให้มาร่วมงานด้วย" กระผม/อาตมภาพจึงต้องมาพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่คนเดียว

    เมื่อรับไทยธรรมแล้วจึงได้ขอตัวเดินทางกลับที่พัก แล้วก็มาเจอปัญหาที่บรรดาบุคคลก่อเอาไว้ให้ปวดหัวอีกตามเคย อย่างเช่นมีคนเขาส่งคำถามมาว่า "ปัจจุบันนี้มีคนกล่าวว่ามีพระอรหันต์องค์สุดท้ายแล้ว ถ้าทำบุญไม่ทันก็จะไม่มีโอกาสได้ทำบุญกับพระอรหันต์อีก เป็นความจริงหรือไม่ ?"

    กระผม/อาตมภาพขอให้ผู้ถามไปอ่านในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันปิฎก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสถึงพระอรหันต์องค์สุดท้าย แต่พระองค์ท่านตรัสว่า ตราบใดที่พระธรรมวินัยนี้ยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ พระธรรมวินัยนี้ย่อมมีสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ และสมณะที่ ๔ เป็นปกติ คำว่าสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้นก็คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์นั่นเอง ไม่ได้กล่าวถึงในเรื่องของพระอรหันต์องค์สุดท้ายเลย..!

    อีกท่านหนึ่งส่งรูปนาคบาศก์ที่เป็นงูกินหางตัวเองมาให้ ถามว่า "แท้ไหมครับ ?" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า "เก๊ ๑๐๐ เมตร" หรือว่า "เก๊ตาเปล่า" เลย เนื่องเพราะว่าที่ส่งมานั่นก็คืองูเห่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ความยาวอย่างน้อย ๆ ก็อยู่ที่ ๓ - ๔ ฟุต ท่านลองจับขดทบเข้าหากันดู พอทบครึ่งแล้วจะใหญ่แค่ไหน ไม่มีทางที่งูกินหางตัวเองแล้วจะวงเล็กขนาดได้ ต่อให้เป็นลูกงูก็จะใหญ่กว่านั้น และโดยเฉพาะเมื่องูกินหางตัวเอง ก็ไม่ได้กลมเรียบร้อยขนาดนี้ มักจะบิด ๆ เบี้ยว ๆ ไปตามร่างกายของตนเองที่ดิ้นรนเพราะคิดว่าโดนตัวอื่นกินนั่นเอง..!
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,408
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +26,479
    สิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ถ้าหากว่าเป็นที่นิยมในท้องตลาด ก็จะมีบุคคลผลิตออกมาขายในทันทีทันควัน ช่วงที่ผ่านมาท่านก็จะเห็นว่ามีทั้งช้างน้ำ มีทั้งมักกะลีผล มีทั้งพญาครุฑ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เพิ่งรู้ว่าพญาครุฑของเขาตัวเท่าไก่เท่านั้นเอง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท่านจะไปเอาสาระอะไรกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ยกเว้นว่ามีบุญวาสนาได้เจอกับตนเอง ก็คือเห็นงูกำลังกินหางตนเองก็รอไว้ ถ้าหากว่างูตัวนั้นขาดใจตายเมื่อไร แล้วเราค่อยเก็บมา ถ้าใจร้อนก็ใช้ไฟอ่อน ๆ ค่อย ๆ ปิ้งให้แห้ง ถ้าหากว่าไม่ใจร้อน ก็ค่อย ๆ ตากให้แห้งด้วยแสงแดด แต่ว่าถ้าตากให้แห้งด้วยแสงแดดนั้น ไม่ระวังให้ดีก็อาจจะเน่าเสียไปก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ลงด้วยคาถา เวสสะ ภุสสะ นะโมพุทธายะ ไปปลุกเสกให้เป็นนาคบาศก์ ซึ่งเปรียบเสมือนบ่วงจับวิญญาณของท้าวเวสสุวรรณ หรือพระยายมราช เขาลือกันว่าผีกลัวนักหนา..!

    แต่กระผม/อาตมภาพไม่เคยอยากให้ผีกลัว มีแต่ว่าพยายามที่จะผูกมิตรและพูดคุยกัน เพราะว่าถ้าคุยกันรู้เรื่องเมื่อไร เขาสามารถที่จะช่วยเราได้ แต่ถ้าไปเต๊ะท่าเป็นนักเลงโต ประมาณว่า "กูมีมีด กูมีปืน มึงต้องกลัวกู" ถ้าลักษณะอย่างนั้น เผลอเมื่อไรก็สวัสดีแน่นอน..! เพราะว่าเราเองต้องกิน ต้องนอน ต้องพักผ่อน แต่พวกผีเขาไม่ต้อง ถ้าหากว่าเขาตามจ้องอยู่ตลอดเวลา ท้ายสุดเขาก็หาโอกาสเล่นงานเราจนได้ เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายจึงต้องเป็นคนหูหนัก ไม่ใช่ไปตื่นข่าว ไม่อย่างนั้นแล้วค่าครูจะแพงจริง ๆ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...