เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 มีนาคม 2025 at 17:38.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,664
    ค่าพลัง:
    +26,526
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0348.jpeg
      IMG_0348.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      307.5 KB
      เปิดดู:
      16
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,664
    ค่าพลัง:
    +26,526
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดสามพระยา วรวิหาร ตั้งแต่ยังไม่ทันจะ ๖ โมงเช้า เพื่อเข้าร่วมทำวัตรกับบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางทั้ง ๒๓ จังหวัด ซึ่งในแต่ละภาคก็ส่งมารวมกันเพื่ออบรมในระดับประเทศที่นี่

    ครั้นไปถึงก็ได้เดินทักทายให้กำลังใจบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งแต่ละท่านก็ล้วนแล้วแต่ทำท่าดีอกดีใจ ยิ่งหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) เจ้าคณะตำบลบางกระเบา เจ้าอาวาสวัดแคแถว (วัดสว่างอารมณ์) ถึงกับตกใจว่า "หลวงพ่อเล็กมาได้อย่างไร เช้าขนาดนี้ ?!" จึงได้บอกว่า "ถ้ามาสายแล้วรถติดครับ" ทุกคนก็เข้าใจเป็นอันดี

    เมื่อได้ทำวัตรเช้าร่วมกันแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปกราบพระเถระที่อยู่ภายในหอฉัน ซึ่งประกอบไปด้วย พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๗ เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ. ๙) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๕ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ประธานคณะกรรมการฝึกซ้อมอบรมพระอุปัชฌาย์ของทุกปี

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมโมลียังชื่นชมว่า "พระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ นี้เหนียวแน่นจริง" ก็คือนอกจากสามารถจัดตั้งเป็นองค์กรแล้ว ยังมีการทำงานที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายอีกด้วย

    แล้วกระผม/อาตมภาพก็นั่งลงในวงฉันร่วมกับพระเดชพระคุณพระธรรมวชิโรดม, รศ.ดร. (พล อาภากโร ป.ธ. ๙) หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์พล ซึ่งท่านเป็นรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเป็นเจ้าคณะภาค ๖ พระเดชพระคุณพระเทพวชิรธีราภรณ์ (ประดิษฐ์ ฐิตเมโธ ป.ธ. ๙) หรือหลวงพ่อเจ้าคุณประดิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย รองเจ้าคณะภาค ๒
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,664
    ค่าพลัง:
    +26,526
    ระหว่างฉันก็คุยกันไปตามเรื่อง ซึ่งท่านเจ้าคุณอาจารย์พลกล่าวว่า "ทำอย่างไรที่เราจะเปลี่ยนเป้าหมาย จากการที่เอาเด็ก ๆ มาบวชสามเณร ซึ่งเป็นไปได้ยากแล้ว บรรดาเด็กเมื่อถึงเวลาโตเป็นหนุ่ม ก็เริ่มอยู่ในวัยแตกเปลี่ยว ส่วนใหญ่อาจจะพาให้เกิดความเสียหายกับคณะสงฆ์เสียด้วยซ้ำไป แต่ว่าทางมหาเถรสมาคมของเราก็มีมติไม่ให้บวชบุคคลที่อายุเกิน ๖๐ ปีไปแล้ว เนื่องเพราะเกรงว่าจะเป็นการมาอาศัยวัดกิน"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้กราบเรียนไปว่า "ทางวัดท่าขนุนไม่ใส่ใจตรงนี้ครับ ขอให้มาบวชเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือพระอุปัชฌาย์พิจารณาอบรมของเรา ซึ่งมั่นใจว่าถ้าหากว่าบุคคลที่มาบวชแล้วตั้งใจที่จะเอาดี บุคคลที่อายุมาก มีประสบการณ์ทางโลกมามาก ถ้าบวชแล้วก็ย่อมเกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตทางโลกถึงได้มาบวช"

    ท่านบอกว่า "เรื่องนี้ผมเห็นด้วย ท่านพูดออกยูทูบบ่อย ๆ ให้พูดเรื่องนี้บ้างว่า การบวชในยามแก่นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย" หลวงพ่อเจ้าคุณประดิษฐ์บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำในลักษณะที่ว่า บวชบุคคลผู้เกษียณอายุเพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการใดโครงการหนึ่ง ส่วนคนเขาจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ก็แล้วแต่แต่ละคนตัดสินใจกันเอาเอง"

    คุยกันมาถึงตรงนี้ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พลก็กล่าวไปถึงในส่วนของอินเดียว่า "นักบวชอินเดียที่มีหลักปฏิบัติแบบอาศรม ๔ ประการ ซึ่งผมจำไม่ค่อยได้ว่ามีอะไรบ้าง ?" กระผม/อาตมภาพจึงกล่าวว่า "มีพรหมจารีย์ คฤหัสถ์ วานปรัสถ์ และ สันยาสี ครับ" ท่านบอกว่า "นั่นแหละ..นั่นแหละ..อย่าลืมว่าแต่ละช่วงวัยของเขานั้นถึง ๒๕ ปีทีเดียว"

    วัยพรหมจารีย์ ส่วนใหญ่เป็นวัยเพื่อการศึกษาหาความรู้ พูดง่าย ๆ ก็คือร่ำเรียนเพื่อที่จะทำมาหากิน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นวัยคฤหัสถ์ ก็คือบุคคลผู้ครองเรือน ซึ่งถ้าหากว่าวัยพรหมจารีย์ ๒๕ ปี วัยคฤหัสถ์ ๒๕ ปี ก็แปลว่ามีครอบครัว มีภรรยา มีบุตร มีธิดา เลี้ยงดูบุตรธิดาจนเติบโตแล้วก็เข้าสู่วัยวานปรัสถ์ ก็คือวัยออกป่า หรือพูดง่าย ๆ ว่าวัยออกจาริก เพื่อที่จะท่องโลกหาความจริงของชีวิต ซึ่งก็แปลว่าต้องอายุ ๕๐ ปีไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะหลีกหนีไปอยู่ตามป่าบ้าง อยู่ในที่เงียบสงัดบ้าง ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ หรือว่าเดินทางแสวงหาประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,664
    ค่าพลัง:
    +26,526
    จนถึงวัยสุดท้าย ก็คืออายุย่าง ๗๕ ปี หรือว่าอาจจะก่อนหลังตามแต่ความเข้าใจโลกที่ได้มาในช่วงวานปรัสถ์ ก็จะเป็นนักบวช ก็คือเริ่มมีอาศรม เริ่มมีที่อยู่ เริ่มยึดการบวชในลักษณะบำเพ็ญสมาธิภาวนา แสวงหาโมกขธรรม พยายามหาความจริงให้ได้ว่า "โลกนี้มีสาระอะไรบ้าง ? ตนเองเป็นใคร ? พระพรหมเป็นใคร ?" จนท้ายที่สุด เมื่อเข้าถึงปรมาตมันแล้วก็นำไปสั่งสอนคนอื่นต่อ

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์พลย้ำว่า "เราจะเห็นได้ว่าวัยบวชของเขาก็คือคนแก่ ๗๐ กว่าปีทีเดียว ซึ่งเป็นวัยที่ถ้าตั้งใจบวชก็แปลว่ามั่นคงแล้ว เพียงแต่ว่าบ้านเราไม่ได้มีหลักการดำเนินชีวิตแบบนี้ ท่านลองไปเผยแพร่ดู เผื่อมีคนสนใจ เราจะได้เพิ่มจำนวนของพระภิกษุเข้ามา ต่อให้ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงทำอะไร อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยอยู่วัด ทำความสะอาดวัด เป็นกำลังใจให้กับลูกกับหลานที่มาทำบุญก็ยังดี

    หรือถ้าหากว่าท่านใดเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติ ด้วยความที่ผ่านโลกมามาก รัก โลภ โกรธ หลง เหลือน้อยแล้ว ก็สามารถที่จะเข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่าเสียด้วยซ้ำไป"
    แล้วพวกเราก็นั่งหัวเราะกันว่า "พูดไปครั้งนี้ วัดท่าขนุนจะโดนอะไรบ้างนี่ ?" กระผม/อาตมภาพกล่าวว่า "ถ้าหากทำให้พระพุทธศาสนาของเราดีขึ้น ต่อให้ต้องปรับใช้หลักการของศาสนาใดก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ"

    เมื่อพวกเราได้ฉันกันเสร็จเรียบร้อย ให้พรแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปหาพรรคพวกที่มาด้วยกัน ก็คือ ผศ., ดร.เจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ผศ., ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านพระครูโสภณปัญญาวรวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองราชบุรี เจ้าอาวาสวัดท้ายเมือง ซึ่งนัดแนะกันเอาไว้ว่า พวกเราจะเป็นตัวแทนของเพื่อนฝูงมาร่วมให้การสนับสนุนรุ่นน้อง ซึ่งได้รับความชื่นชมจากท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมโมลีอยู่เสมอว่า เป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นที่เหนียวแน่นมาก นอกจากจัดตั้งองค์กรทำคุณประโยชน์ให้กับสาธารณะและพรรคพวกเพื่อนฝูงแล้ว ยังไม่ลืมที่จะมาสนับสนุนรุ่นน้องอีกด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,882
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,664
    ค่าพลัง:
    +26,526
    เมื่อได้ทำการสนับสนุน ทั้งปัจจัยในส่วนขององค์กรพระอุปัชฌาย์และส่วนตัวแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปให้กำลังใจบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงจากเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ อีกรอบหนึ่ง ปรากฏว่าไปเจอบรรดาท่านที่รู้จักจากภาคอื่น ๆ มาด้วย ก็เลยทำให้กลายเป็นจุดสนใจตรงที่ว่าคนโน้นก็ทัก คนนี้ก็ถาม โดยเฉพาะบรรดารองเจ้าคณะภาคต่าง ๆ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกัน เมื่อไต่ถามกันไป ไต่ถามกันมา บางท่านที่ไม่คุ้นเคยก็พาลหลงว่า กระผม/อาตมภาพน่าจะเป็นระดับเจ้าคณะภาคเหมือนกันกระมัง ?!

    หลังจากที่พระเดชพระคุณพระพรหมโมลีนำบูชาพระรัตนตรัย และเป็นประธานในการกล่าวเปิดการอบรมว่าที่พระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๘ เนื่องเพราะว่าหยุดไปสองปีในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ไม่เช่นนั้นรุ่นนี้ก็ต้องเป็นรุ่นที่ ๖๐ แล้ว หลังจากที่ท่านเริ่มให้โอวาท กระผม/อาตมภาพก็บอกลาทุกคน ว่าถ้าหากว่ามีโอกาสก็จะมาร่วมทำวัตรเช้า และฉันเช้าด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขอให้ทุกคนพยายามสู้ไปให้เต็มที่ อย่าได้ท้อถอย ถือหลักโบราณที่ว่า "เราก็ชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน" บางท่านก็บอกว่า "ตอนแรกผมก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย แต่พอเห็นหลวงพ่อเล็กมา ใจค่อยนิ่งลงหน่อย"

    ตรงจุดนี้จะว่าไปแล้ว ท่านที่ไม่เคยไปอยู่ในสถานที่ซึ่งแปลกที่ แปลกถิ่น แปลกหน้า หาคนรู้จักแทบจะไม่ได้ เมื่อถึงเวลามีพระเถระที่ตนเองคุ้นเคยมาทักมาทาย มาให้กำลังใจ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะรู้สึกใจฟู มีกำลังใจขึ้นมา สิ่งหนึ่งประการใดที่คิดไม่ออก ทำไม่ได้ ก็กลายเป็นคิดออกทำได้ สมองแล่นขึ้นมาทันที กระผม/อาตมภาพเองอยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายเองทำสมาธิภาวนาน้อยไปหน่อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะว่าตรง ๆ จึงได้แต่บอกว่า "แล้วจะมาเป็นกำลังใจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"

    หลังจากนั้นก็ได้ร่ำลาบรรดาพระเถระที่รู้จักมาตามรายทาง จนกระทั่งออกเดินทางจากวัดสามพระยา วรวิหาร ซึ่งตอนนั้นถนนหนทาง ตลอดจนรถราก็แน่นไปหมดแล้ว โดยที่เห็นแวบ ๆ ว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช ป.ธ. ๖) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วิ่งสวนเข้าไป แต่ต้องขออภัย เพราะว่าได้แต่ยกมือไหว้อยู่บนรถ เนื่องจากว่าออกมาแล้ว ได้แต่ตั้งใจว่าถ้าหากพรุ่งนี้มีเวลาก็จะอยู่จนกว่าเจ้านายจะมาถึง แต่ถ้าหากว่าเวลาไม่เพียงพอ ก็คงร่วมทำวัตร ร่วมฉันเช้า ให้กำลังใจทุกคน แล้วก็คงต้องเดินทางกลับเหมือนเดิม

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...