<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"สรงน้ำพระ" เสริมมงคลวันสงกรานต์ Travel - Manager Online </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 เมษายน 2553 16:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ สงกรานต์เชียงใหม่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ถึงแม้ว่าทางกรุงเทพมหานคร จะออกมาประกาศชัดเจนแล้วก็ตาม ถึงการงดจัดงาน "เทศกาลสงกรานต์" ในหลายพื้นที่ทั่วกรุงฯ เนื่องจากการความวุ่นวายทางการเมืองระหว่างกองกำลังไพร่แดงกับรัฐบาลหน่อมแน้ม แต่กระนั้นเทศกาลสงกรานต์ในหลายพื้นที่ตามต่างจังหวัด ก็ยังเดินหน้าจัดงานตามประเพณีอันดีงามของไทย เพราะหลายคนที่อึดอัดกับสถานการณ์บ้านเมือง เลือกที่จะใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยการเล่นน้ำ รดน้ำดำหัว เข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระ รวมถึงการ "สรงน้ำพระ" เพื่อความเป็นสิริมงคล รับขวัญวันปีใหม่ไทย และเมื่อเอ่ยถึงเรื่องการสรงน้ำพระแล้ว ในบ้านเราก็มีหลายๆจังหวัดที่นำพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งปกติจะประดิษฐานอยู่ตามวัดหรือตามสถานที่สำคัญนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันแบบ 1 ปี มีหน </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ กรุงเทพฯ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับการสรงน้ำพระนั้นเป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า "อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ)ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษกจะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง" ซึ่งนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปเด่นดัง น่าสนใจ ตามพื้นที่ต่างๆที่มีการนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำเนื่องในเทสกาลสงกรานต์กัน *สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ "พระพุทธสิหิงค์" ถือเป็นพระพุทธรูปคู่วันสงกรานต์ มีตำนานเล่าว่า พระพุทธสิหิงค์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 700 โดยพระมหากษัตริย์ลังกา 3 พระองค์ พร้อมกับพระอรหันต์ในเกาะลังกา พระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ที่กรุงลังกาเป็นเวลา 1,150 ปี กระทั่งในสมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหง โปรดเกล้าฯ ให้พระยานครศรีธรรมราชแต่งทูตเชิญพระราชสาสน์ไปขอประทานมาจากพระเจ้ากรุงลังกา พระพุทธสิหิงค์จึงได้มาประดิษฐานในสยามประเทศนับแต่นั้นมา </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ นครศรีธรรมราช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับในเมืองไทย มีพระพุทธรูปที่มีนามว่าพระพุทธสิหิงค์องค์สำคัญอยู่ 3 องค์ด้วยกัน คือ พระพุทธสิหิงค์ ในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ซึ่งทุกๆปีทางกทม.จะนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 เป็นต้นมา สำหรับในปีนี้ กทม.ได้นำพระพุทธสิหิงค์มาให้ประชาชนสรงน้ำที่ลานคนเมืองเช่นกัน พระพุทธสิหิงค์ ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง เป็นศิลปะเชียงแสนยุคแรก ซึ่งทุกๆปีทางจังหวัดเชียงใหม่จะมีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันสรงน้ำ เนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมืองหรืองานสงกรานต์ล้านนานั่นเอง </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระพุทธสิหิงค์ เชียงใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> พระพุทธสิหิงค์ ในหอพระสิหิงค์ นครศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร มีพระพักตร์กลม อมยิ้มเล็กน้อย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการอัญเชิญองค์พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่สวนศรีธรรมาโศกราช ก่อนจะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ควบคู่ไปกับงานประเพณีสงกรานต์“แห่นางดานเมืองนคร” อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เพราะมีการผนวกประเพณีทั้งพุทธและพราหมณ์เข้าไว้ด้วยกัน </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วบุษราคัม วัดศรีอุบลรัตนาราม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระแก้ว อุบล ที่เมืองดอกบัวงาม อุบลราชธานี ก็มีพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ที่เพิ่งจะนำออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์กันเมื่อไม่กี่ปีมานี้ สำหรับพระพุทธรูปสำคัญในงานสงกรานต์เมืองอุบล เป็นพระแก้ว 4องค์ด้วยกัน องค์แรก คือ "พระแก้วบุษราคัม” วัดศรีอุบลรัตนาราม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปกรรมเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัม หน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 5 นิ้ว ตามตำนานเป็นสมบัติของเจ้าปางคำราชวงศ์จากเมืองเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า ที่แตกหนีภัยสงครามจากพวกฮ่อมาเวียงเชียงรุ้งและสร้างเมือง “เขื่อนขันกาบแก้วบัวบาน”ขึ้น </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วไพฑูรย์แห่งวัดหลวง เมืองอุบลฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> พระแก้วบุษราคัมตกทอดมาถึงพระเจ้าตาผู้เป็นลูกพระเจ้าปางคำ ในปีพ.ศ.2314 นครเขื่อนขับกาบแก้วบัวบาน ถูกเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ยกทัพต่อตีพระวรราชภักดีหรือพระเจ้าวอและพระเจ้าฝางจึงหนีศึกมาสร้างบ้านแปงเมืองที่บ้านดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี และได้อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาด้วย โดยได้สร้างวัดหลวงไว้ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม กระทั่งในรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้สั่งข้าหลวงมากำกับดูแลตามหัวเมือง ทำให้ราชบุตรหนูคำ เจ้าเมืองสมัยนั้นเกรงว่าข้าหลวงจะแสวงหาสมบัติเมืองไปเป็นของตน จึงนำพระแก้วออกจากวัดหลวงไปซ่อนไว้ที่บ้านวังกางฮุง กระทั่งอุปราชโท สร้างวัดศรีอุบลรัตนารามขึ้น จึงอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาประดิษฐานไว้ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม จวบจนทุกวันนี้ ในยามปกติพระแก้วบุษราคัมจะประดิษฐานไว้ในตู้แก้วในพระอุโบสถเท่านั้น แต่ในเทศกาลสงกรานต์ ทางวัดจะอัญเชิญลงมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกัน </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระแก้วโกเมน แห่งวัดมณีวนาราม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> องค์ถัดมา "พระแก้วโกเมน" วัดมณีวนาราม เป็นพระพุทธรูปอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ของวัดที่มีค่าหาได้ยากยิ่งและเกรงว่าจะสูญหาย ทำให้เจ้าอาวาสแต่ละรุ่นจึงหวงแหนเก็บรักษากันอย่างเป็นความลับเรื่อยมา ครั้นเมื่อสิ้นสมัยหลวงปู่พระธรรมเสนานี (กิ่ง มหับผโล) คณะกรรมการวัดจึงขออนุญาตนำพระแก้วโกเมนลงมาประดิษฐานในพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ ตามตำนานที่เล่าต่อกันมาระบุว่าพระแก้วโกเมนอันเป็นแก้วหนึ่งในตระกูลแก้วเก้าประการนั้นก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกับพระแก้วบุษราคัม ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไทยมีสงครามกับเวียงจันทน์ ผู้รักษาการบ้านเมืองและทายก-ทายิกา ได้พากันเก็บรักษาองค์พระไว้เป็นอย่างดีที่วัดบ้านกุดมะงุม อ.วารินชำราบ คณะผู้รักษาได้นำท่อนไม้จันทน์คว่ำองค์พระพุทธรูปไว้ ด้วยเกรงว่าข้าศึกจะแย่งชิงไป เมื่อสงครามสงบจึงได้นำพระแก้วโกเมนมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมณีวนาราม ซึ่งเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดเก็บรักษาไว้เป็นความลับสืบต่อกันมา แต่ก็เป็นในเทศกาลสงกรานต์และวันวิสาขบูชาเท่านั้น ที่ทางวัดจะอัญเชิญมาให้ประชาชนได้สรงน้ำพระกัน </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> องค์ต่อมาคือ "พระแก้วไพฑูรย์" วัดหลวง ที่ปีหนึ่งจะต้องรอให้ถึงช่วงงานสมโภชน์ จึงจะมีการนำออกมาให้ได้สักการะกัน ซึ่งงานสมโภชน์ จะอยู่ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ สำหรับพระแก้วไพฑูรย์ เป็นหนึ่งในแก้วอันเป็นรัตนชาติ คือ เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม ทองแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์ ด้วยองค์พระแววใสส่องเห็นเป็นคล้ายหยาดฝน จึงเชื่อว่าพระแก้วองค์นี้เป็นนิมิตแห่งความอุดมสมบูรณ์ สำหรับพระแก้วองค์นี้ใครเป็นผู้แกะสลักนั่นยังไม่พบข้อมูล แต่เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปในปกครองของเจ้านายเมืองอุบลมานานแต่บรรพบุรุษของพระปทุมวราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) ได้ถวายเป็นสมบัติของวัดหลวงคู่เคียงกับพระแก้วบุษราคัม เมื่อทางข้าหลวงจากกรุงเทพลงมาปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้านายอุบลจึงได้เอาพระแก้วทั้งสองไปซ่อน ต่อมาแม้เมื่อมีการถวาย "พระแก้วบุษราคัม" แก่ทางวัดศรีอุบลรัตนารามแล้ว ทายาทของเจ้านายเมืองอุบลก็ยังคงเก็บรักษาพระแก้วไพฑูรย์ไว้ เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าของบรรพบุรุษ ต่อมาภายหลังจึงถวายพระครูวิลาสกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวงให้เป็นสมบัติของวัดหลวงตามเดิมจนทุกวันนี้ ปิดท้ายกันที่ "พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง" วัดสุปัฎนาราม ที่จะนำลงมาให้สาธุชนสรงน้ำขอพระในช่วงเทศกาลสำคัญๆเช่นกัน ทั้งในช่วงปีใหม่สากล และช่วงปีใหม่ไทยแบบนี้ สำหรับพระแก้วขาวเพชรน้ำค้างนั้น เนื้อองค์เป็นแก้วผลึกขาวใสประดุจน้ำค้างยามเช้าเปล่งแสงแวววาวในตัวเองประดุจเพชร จึงได้ชื่อว่า "พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง" ฉลององค์ด้วยทองคำเป็นบางส่วน เป็นพระปางสมาธิสูง 17 ซ.ม. ทำด้วยแก้วผลึกสีขาว </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขบวนแห่ หลวงพ่อพระใส สงกรานต์หนองคาย </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล สุดยอดนักประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย สันนิษฐานว่าวิเคราะห์จากพุทธศิลป์แล้วเป็นพะรอยู่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ประวัติของพระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ควบคุมการก่อสร้างพระอุโบสถวัดสุปัฎนารามแต่ พ.ศ. 2460-2473 เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้รวบรวมพระพุทธธูปเก่าแก่ไนปางต่างๆ จากหลายที่หลายแห่ง เช่น พระพุทธรูปหินสมัยลพบุรี 3 องค์ และสิ่งอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระแก้วขาวองค์นี้เป็นพระประจำองค์ท่าน ท่านได้อย่างไร ไม่ปรากฏชัด ในช่วงปี พ.ศ. 2485 เจ้าพระคุณคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ได้ขึ้นมาจำพรรษาที่วัดสุปัฎนาราม ได้มอบพระแก้วขาวองค์ศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ให้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของวัดสุปัฎนาราม ผู้รับมอบ คือ พระครูปลัดพิพัฒนวิริยาจารย์ (ณาณ ญาณชาโล) และมอบนโยบาย คือให้จัดกิจกรรมของคณะสงฆ์ขึ้น เมื่อท่านได้รับมอบพระแก้วขาวและนโยบายแล้ว ท่านก็ได้วางหลักเกณฑ์ให้คณะสงฆ์ทำกิจกรรมขึ้นเพื่อเป็นการสนองพระเดชพระคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมาหวีรวงศ์ </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระสี่มุมเมือง ราชบุรี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำหลวงพ่อพระใส หนองคาย อีกหนึ่งงานใหญ่ช่วงสงกรานต์ของอีสาน ไปที่ จังหวัดหนองคาย เพื่อสักการะไหว้สา "หลวงพ่อพระใส" เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณ์งดงามมาก ขนาดหน้าตัก กว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระสงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ของชางไม้ ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระธิดา3พี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น 3 องค์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แล้วขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามว่า พระสุก พระเสริม และพระใสมีขนาลดกันตามลำดับ หลังศึกกับเวียงจันทน์ในรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระทั้งสามลงแพ แต่ทว่าระหว่างทางล่องเรือมานั้นได้ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องถึงเวินแท่นได้เกิดอัศจรรย์ คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ การอัญเชิญจึงเหลือเพียงพระเสริมและพระใสมาถึงหนองคาย พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดหอก่อง ( วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ) ต่อมายุครัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สมัยนั้น พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระเสริมมาประดิษฐานยังพระบวรราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวง ( เหม็น ) ไปอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนคร เมื่อครั้งอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนครนั้น กล่าวกันว่าพระใสแสดงปาฏิหาริย์ เกวียนที่ประดิษฐานพระใสหักลงตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย ซ่อมก็หักอีก วัวลากเกวียนไม่ยอมเดิน ทั้งเชิญและบวงสรวงก็ไม่เป็นผล สุดท้ายทหารจึงอัญเชิญพระใสประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยแทน ส่วนพระเสริมอัญเชิญไปกรุงรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพ ปัจจุบันหลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดหนองคายประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระ ประเพณีดีงามอันเป็นมงคลในเทศกาลสงกรานต์ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระสี่มุมเมือง ราชบุรี ที่จังหวัดราชบุรีก็มีการชูการสรงน้ำพระในช่วงเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน โดยเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านเมือง ของชาวราชบุรี เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานตั้งแต่ปีพ.ศ.2511 ซึ่งประดิษฐานไว้ ณ สี่มุมเมืองของประเทศ ได้แก่ ทิศเหนือ ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดลำปาง (ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง) ทิศตะวันออก ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดสระบุรี (หน้าศาลากลางจังหวัด ในวัดศาลาแดง) ทิศใต้ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดพัทลุง (หน้าศาลากลางจังหวัด) และทิศตะวันตก ประดิษฐานไว้ที่จังหวัดราชบุรี (บนยอดเขาแก่นจันทน์) โดยองค์ที่อยู่เมืองราชบุรีนี้มีนามว่า "พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ"(พระสี่มุมเมือง) เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2553 องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี จึงกำหนดจัดงาน "ประเพณีสรงน้ำพระสี่มุมเมือง" เนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2553 ในวันที่ 12 เมษายน 2553 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณวิหารจัตุรมุขบนยอดเขาแก่นจันทน์ราชบุรี สงกรานต์ปีนี้ใครเลือกจะเสริมสิริมงคลกันแบบไหนก็แล้วแต่ แต่ยังไงทางทีมงานท่องเที่ยวก็ขออวยพรให้มิตรรักนักอ่านทุกคน ประสบแต่โชคดีเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทยนี้ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สืบสานประเพณี "สรงน้ำพระธาตุ" ช่วงสงกรานต์ Travel - Manager Online </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 เมษายน 2553 16:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ปะเพณีดีๆช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยอย่างสงกรานต์ช่างมีมากมายเสียจริง นอกเหนือจากการสรงน้ำพระแล้ว ยังมีบางจังหวัดที่สืบทอดประเพณีการสรงน้ำพระธาตุในช่วงสงกรานต์ด้วย *สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน ในภาคเหนือ ที่ จังหวัดลำพูน "พระบรมธาตุหริภุญชัย" (พระธาตุประจำปีระกา) ซึ่งในทุกปีจะมีพิธีสรงน้ำพระธาตุในช่วงวันขึ้น15ค่ำ เดือน6 หรือที่ทางเหนือเรียกว่า "เดือนแปดเป็ง" โดยในปีนี้ตรงกับวันที่28 เม.ย.2553 แต่ในช่วงสงกรานต์ก็ไม่หวงห้ามหากพุทธศาสนิกชนต้องการสรงน้ำองค์พระธาตุ อนึ่ง การสรงน้ำพระธาตุที่นี่แตกต่างและเป็นหนึ่งเดียว เพราะต้องใช้น้ำที่มาสรงพระธาตุเป็นน้ำสรงพระราชทาน น้ำทิพย์จากดอยขะม้อ(ผ่านพิธีการเจริญพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์)และน้ำสรงของประชาชน โดยชาวลำพูนเชื่อว่าเป็นการสักการะพระบรมอัฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นการบูชาเสาหลักเมืองที่ชาวลำพูนถือว่า เจดีย์พระธาตุหริภุญชัยเป็นเสาหลักเมือง </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สรงน้ำพระธาตุพนม สงกรานต์นครพนม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> *สรงน้ำพระธาตุประจำปีเกิด 7 แห่ง นครพนม ในงานอีสานเองก็มีงานสรงน้ำพระธาตุเช่นกัน โดยงานสงกรานต์ที่จังหวัดนครพนม นอกจากการเล่นสาดน้ำ และการปฏิบัติต่างๆตามประเพณีแล้ว ยังมีการสรงน้ำพระธาตุประจำวันเกิด ทั้ง 7 แห่งในจังหวัดนครพนมอีกด้วย สำหรับพระธาตุประจำวันเกิด ทั้ง 7 แห่งในจังหวัดนครพนมได้แก่ คนเกิดวันอาทิตย์ไหว้พระธาตุพนม ที่อ.ธาตุพนม และพระธาตุพนมนี้ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีวอกอีกด้วย คนเกิดวันจันทร์ ไหว้พระธาตุเรณู อ.เรณูนคร คนเกิดวันอังคาร ไหว้พระธาตุศรีคูณ อ.นาแก คนเกิดวันพุธ ไหว้พระธาตุมหาชัย อ.ปลาบาก คนเกิดวันพฤหัส ไหว้พระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า คนเกิดวันศุกร์ ไหว้พระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน คนเกิดวันเสาร์ ไหว้พระธาตุนคร ที่อ.เมืองนครพนม พี่น้องผองเพื่อนใครอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันดีงามนี้ก็เชิญท่องเที่ยวกันได้ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้. </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
กทม.เปิดให้สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมือง ˹ѧ กทม.เปิดให้สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมือง http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01UQTBOVEkwTlE9PQ== ตลอด 24 ชม. จนถึงวันที่ 15 เม.ย. <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาประดิษฐาน ณ ลานคนเมือง เพื่อให้ประชาชนได้สักการะ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยได้มีการอัญเชิญขึ้นขบวนรถบุปผาชาติ แล้วแห่ตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ใหม่ เพื่อความปลอดภัยด้วยการเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด คือ จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติผ่านกระทรวงกลาโหม ผ่านกระทรวงมหาดไทยเข้าสู่มณฑปที่ลานคนเมือง ซึ่งตลอดเส้นทางจนถึงลานคนเมืองมีประชาชนออกมาร่วมดูขบวนและสักการะบางตาน้อยกว่าทุกปี ที่เคยจัดมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างค่อนข้างเงียบเหงา อย่างไรก็ตามสำหรับจังหวัดกรุงเทพมหานครพิธีดังกล่าว ถือเป็นการจัดงานสงกรานต์ตามประเพณีพิธีเดียวที่ยังไม่ยกเลิก โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การจัดงานประเพณีตามศาสนา เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ท่ามกลางภาวะความตึงเครียด อาจทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้บ้าง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสิริมงคลในการจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ไทย ซึ่งพิธีดังกล่าวจะมีไปถึง 15 เมษายนนี้ โดยประชาชนสามารถเข้าสักการะและสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่ลานคนเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั่วประเทศยังคงมีอากาศร้อนจัด ทั่วประเทศยังคงมีอากาศร้อนจัด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์ กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนอากาศที่ยังคงร้อนจัดทั่วประเทศ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่มีเครื่องป้องกัน... พยากรณ์อากาศประจำวัน ประจำวันที่ 13 เมษายน 2553 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้พัดปกคลุมบริเวณดังกล่าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในหลายพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ คาดว่า จะยังคงร้อนต่อเนื่องไปอีก ลักษณะดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีเครื่องป้องกัน พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 40-42 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 40-42 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิสูงสุด 39-42 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่ง ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
ไหว้พระ9วัด กระแสยังไม่ตก ชาติ ภิรมย์กุล - เรื่อง/ภาพ ˹ѧ ไหว้พระ9วัด กระแสยังไม่ตก ชาติ ภิรมย์กุล - เรื่อง/ภาพ http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB4TkE9PQ== <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD> พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีศรีพิพัฒน์ วัดญาณฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>หน้าร้อนปีนี้ สงสัยเราต้องถอนหายใจบ่อย สาเหตุการถอนหายใจน่าจะมาจากเหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่สงบ อาการถอนหายใจมันบ่งบอกถึงความท้อแท้ใจ-ความเบื่อหน่ายอะไรบางอย่างที่ทำให้จิตใจเราขุ่นมัว จิตใจขุ่นมัวถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันจะกลายเป็นความวิตกกังวลและเกาะติดเราไปจนถึงห้องนอน ต้องหาทางดับความวิตกกังวลไม่ให้มันลุกลามและอาศัยอยู่ในใจเราหลายวัน เรื่องแบบนี้มันต้องทำใจให้จิตนิ่งๆ การทำใจให้นิ่งและสงบ-หลายคนเลือกวิธีสวดมนต์-ไหว้พระ-นั่งสมาธิ-เข้าร้านโออิชิ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านเขียนไว้ "สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน" ล่าสุดมียาเสริมเข้ามาช่วยสำหรับคนที่ต้องการกำลังใจแบบง่ายๆ ในระยะสั้นๆ โดยการทัวร์ไหว้พระ ขสมก.อู่รถเมล์บางเขน เปิดเส้นทางทัวร์ไหว้พระ 9 วัดมากกว่า 13 เส้นทาง วันนี้ผมเลือกเส้นทางไหว้พระ 9 วัดที่ชลบุรี ออกจากอู่รถเมล์บางเขน ตอน 07.20 น. ถึงวัดแรก 09.30 น. "วัดเจริญธรรม" เป็นจุดแรกที่เราแวะ-วิหารหลังใหม่สูง-ใหญ่ตั้งอยู่กลางวัดอย่างโดดเด่นด้วยรูปแบบกระแสนิยม ด้านหน้าวิหารมีศาลาไทยประดิษฐานรูปหล่อปู่ท้าวสหัมบดีพรหม-พระแม่ธรณี-พระแม่โพสพ-พระแม่คงคา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ หลายองค์ เราแวะมาไหว้พระและชมวัดอย่างเดียวเนื่องจากไม่เจอเจ้าอาวาส วัดที่ 2 เริ่มเป็นรูปแบบของทัวร์ไหว้พระจากขสมก.ที่มีพิธีสวดสะเดาะเคราะห์-ถวายสังฆทานหมู่ร่วมกัน วัดนี้ชื่อ "วัดอ่างเวียน" เราไปรวมกลุ่มกันบนศาลากลางวัด หลังจากบริจาคปัจจัยถวายพร้อมสังฆทาน เจ้าอาวาสให้เรานั่งหันหลังและหันหน้าสำหรับพิธี สวดเป็น-สวดตาย เสร็จพิธีใครจะลอดใต้โบสถ์หรือไหว้หลวงพ่อดำแล้วแต่ศรัทธา ปัจจุบันมีหลายวัดนำเอาคติความเชื่อของคนโบราณมาเป็นจุดขายและกลายเป็นกระแส ปีที่ผ่านมาและปีนี้กระแสลอดใต้โบสถ์มาแรงตามคาด...ส่วนหนึ่งได้รับการปลุกเสกจากสื่อมวลชนหลายแขนงนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่พร้อมจะเชื่อเรื่องนี้เปิดรับทันที จิตเป็นนาย-กายเป็นบ่าว ถ้าเราเชื่อในสิ่งไหน สิ่งนั้นมีส่วนผลักดันให้เราสบาย ใจ แต่อย่างมงายถึงขนาดต้องเสียเงินเยอะๆ โดยไร้เหตุผล <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD> 1.รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี วัดสามัคคีบรรพต 2.พระพุทธรูปในวิหารเจริญธรรม 3.ลอดใต้โบสถ์วัดอ่างเวียน 4.ปู่ท้าวสหัมบดีพรหม 5.ศาลาแปดเหลี่ยมเจ้าแม่กวนอิมที่เกาะลอย 6.โบสถ์วัดญาณฯรูปแบบเหมือนกับคณะรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร 7.รูปหล่อเหมือนเท่าจริงในวิหารหลวงพ่ออี๋ 8.-9. แม่ย่านางรถ แม่ย่านางเรือ ตรงด้านหน้าทางลงโบสถ์และทางออกอีกด้านหนึ่งของโบสถ์ ที่วัดช่องแสมสาร 10.ศาลาพระแม่ธรณี-พระแม่โพสพ-พระแม่คงคา 11.วิหารวัดเจริญธรรม 12.พระราหู</TD></TR></TBODY></TABLE> ออกจากวัดอ่างเวียนเราไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ วัดท่อใหญ่ (วัดที่ 3) ระหว่างนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่วัดท่อใหญ่ทำให้นึกถึงทัวร์ไหว้พระเส้นทางสิงห์บุรี เส้นทางนี้นอกจากจะได้พบกับหลวงพ่อจรัญ ยังได้กินข้าวฟรี 4 มื้อจาก 4 วัด มื้อเที่ยงที่วัดท่อใหญ่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเข้าไปไหว้รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ในศาลาสามัคคีและนั่งพนมมือให้เจ้าอาวาสและพระลูกวัดสวดสะเดาะเคราะห์ และ...สวดเสริมสิริมงคลให้กับลูกทัวร์ทุกคน รู้สึกว่า-ตอนออกจากวัดและอยู่บนรถ เราเป็นสิริมงคลเกือบทั้งคันรถ (หลับครับ) เนื่องจากเส้นทางไปวัดที่ 4 ผ่านทุ่งโล่งๆ กว้างๆ ระยะทางหลายกิโลทำให้เรายกเปลือกตาไม่ค่อยขึ้น หลับๆ ตื่นๆ ฟื้นทุกทีตอนรถจอด รถจอดสนิทอีกครั้งที่ "วัดญาณสังวราราม"...วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อยู่ในความอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ และเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์ มาวัดนี้ต้องไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ธาตุ (ในกรุงเทพฯ พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระ บรมธาตุของเกจิอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ประดิษฐานที่ร.พ. วิชัยยุทธ ตึก 1 ชั้น 20) ตามตำราโบราณทั้ง 47 พระองค์ที่พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีศรีพิพัฒน์ พระบรมธาตุเจดีย์ฯ สีขาว-สวย-สูง-ภายในพระบรมธาตุฯ ชั้นล่างเป็นห้องโถงใหญ่เพื่อการบำเพ็ญกุศลต่างๆ ชั้นสองประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วันที่เราไปมีประชาชนมา กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุเยอะมากต้องทยอยกันขึ้น-ลงบันได ออกจากพระบรมธาตุเจดีย์ฯ ตั้งใจจะเข้ากราบไหว้พระประธานในโบสถ์ ภายในโบสถ์มีพิธีบวชพระใหม่ ผมเลยเดินเล่นบริเวณรอบๆ โบสถ์ บรรยากาศที่วัดเหมือนสวนสาธารณะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นและมุมพักผ่อนริมสระน้ำ ตอนเดินไปถ่ายรูปเจดีย์พุทธ คยาจำลอง เห็นรถทัวร์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากันหลายคัน สงสัยเหมือนกันนะทำไมนักท่องเที่ยวผิวขาวๆ หน้าตาออกจีนๆ มาทัวร์วัดไทยเยอะขนาดนี้ คำตอบอยู่นอกวัด ห่างจากวัดญาณฯ ประมาณ 2 กิโลเป็นที่ตั้งวิหารเซียนที่คนไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันดี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD> อนุวัฒน์ รามศิริ </TD></TR></TBODY></TABLE> วิหารเซียนเป็นสถาปัตยกรรมจีนชั้นสูงและสวยงามมาก-ตำแหน่งที่ตั้งวิหารเซียนได้รับการแนะนำจากยอดซินแสแห่งสยามชื่อ "เซียนสง่า" (อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ) เสียชีวิตแล้ว วิหารเซียนเราไม่ได้แวะ-เราแวะไปไหว้พระพุทธรูปแกะสลักที่หน้าผาเขาชีจรรย์ (เป็นวัดที่ 5) รถจอดฝั่งตรงข้ามเขาชีจรรย์ เรามีเวลาเดินข้ามถนนไป-กลับแค่ 15 นาทีกับแดดจัดๆ ยามบ่ายที่ร้อนระอุ ผมยืนถ่ายรูปอยู่ฝั่งตรงข้ามและซื้อมะพร้าวเผาดูดกินท่ามกลางนักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าขาว-ใส ได้ยินมาว่า คนเกาหลี-ฮ่องกง-ไต้หวันและจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย หลายกรุ๊ปเขาตั้งใจมาไหว้พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองไทยโดยเฉพาะ วิหารเซียน-วัดญาณฯ และพระพุทธรูปแกะสลักอยู่ในโปรแกรมทัวร์ทุกทัวร์ที่มาเที่ยวชลบุรี เมืองไทยมีสิ่งดีๆ มากมายทั้งวัดไทย-วัดจีน-สถานที่ท่องเที่ยว-ผลไม้นานาชนิดนับไม่ถ้วน ลงจากเขาชีจรรย์รถวิ่งเลาะชายหาดแสมสาร-ผ่านชุมชน-สะพานปลาและเลี้ยวเข้าวัด "วัดช่องแสมสาร" (วัดที่ 6) วัดนี้มีลอดใต้โบสถ์เป็นจุดขายสำหรับคนที่ชอบเรื่องนี้ ด้านหน้าซ้าย-ขวาทางลงใต้โบสถ์มีรูปปั้นแม่ย่านางรถ-แม่ย่านางเรือ-ส่วนทางออกอีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นราหู ที่วัดน่าจะมีแม่ย่านางเครื่องบินและแม่ย่านางทีจี 200 รับรองดังแน่ๆ ขอบอกเลยนะ...ห้องน้ำที่วัด ช่องแสมสารสะอาดมาก (ห้องน้ำวัดที่สะอาดเท่าที่ผมไปเห็นมามี 1.วัดท่าการ้อง จ. พระนครศรีอยุธยา 2.วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ 3.วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย 4.วัดช่องแสมสาร จ.ชลบุรี 5. วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี) เข้าไปแล้วอยากนอนเล่นสักพัก บางวัดสร้างโบสถ์ใหม่หลายสิบล้านบาทแต่ห้องน้ำสกปรกและเหม็นจนไม่อยากเชื่อ...เป็นห้องน้ำวัด วัดที่ 7 อยู่ในเขตอำเภอสัตหีบเป็นวัดที่เซียนพระรู้จักดี...วัดหลวงพ่ออี๋ เรามาไหว้รูปหล่อเหมือนเท่าจริงของหลวงพ่ออี๋ในวิหาร กราบไหว้หลวงพ่ออี๋เสร็จต้องรีบออกนะครับ ทั้งคนและควันธูปในวิหารเยอะมากๆ วัดดังๆ หลายวัดเขามีที่สำหรับจุดและปักธูปอยู่ด้านนอกโบสถ์-วิหาร เป็นเรื่องที่ดีและน่าทำตามอย่างยิ่งเนื่องจากควันจากธูปมีสารพิษที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ทัวร์ไหว้พระเส้นทางนี้เหมือนนั่งรถเที่ยว อ.บางละมุง-อ.บ้านบึง-อ.สัตหีบและอ.ศรีราชา ปิดท้ายวัดที่ 9 ที่เกาะลอย อ.ศรีราชา ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง เราไปถึงเกาะลอยเกือบๆ จะ 6 โมงเย็น-คนเยอะ-รถเยอะ-ทะเลกว้าง-อากาศดี-ลมแรง ด้านบนสุดของวัดเกาะลอยมีรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อผิว-หลวงพ่อทันใจ และหลวงพ่อเกาะลอย ด้านหลังเกาะใกล้กับที่จอดรถมีศาลาทรงจีนแปดเหลี่ยมประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิ๋ม รอบๆ ริมชายทะเลตั้งแต่สะพานทางเข้ามาถึงบริเวณท้ายเกาะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวแบบครอบครัว ส่วนวัยรุ่นนั่งจับกลุ่มกันอ่านหนังสือ-ทำการบ้านและสวดมนต์....(ฮิ...ฮิ...เขานั่งกินเหล้ากันครับ) ใครจะกินข้าว-กินเหล้า-นั่งคุยกัน-ไหว้พระ-ไหว้เทพเจ้าจีนแล้วแต่สะดวก ไหว้พระ 9 วัดยังจะอยู่ในกระแสไปอีกนานตราบใดที่เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ เวลาที่เราทุกข์ใจไม่มีทางออก...เรามักเข้าวัดไหว้พระ-นั่งสมาธิเพื่อความสงบ-สุขทางใจ เวลาที่เราสบายใจ...เราเข้าวัดทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว จะเข้าวัดหรือไม่เข้าวัดก็ได้นะครับ ถ้าเป็นคนดี-จิตใจดี-คิดดี-ทำดี บ้านเมืองมีแต่เจริญและสงบสุข ไม่ต้องมานั่งถอนหายใจ ทัวร์ไหว้พระ 9 วัดกับขสมก. เริ่มให้บริการวันที่ 28 ธันวาคมปี 2548 จนถึงปัจจุบันเขตการเดินรถที่ 1 (อู่รถเมล์บางเขน) เปิดเส้นทางไหว้พระ 9 วัดมากกว่า 13 เส้นทาง คุณอนุวัฒน์ รามศิริ ผอ.เขตการเดินรถที่ 1 พูดถึงทัวร์ไหว้พระ 9 วัด "เข้าสู่ปีที่ 5 เราขนคนไปไหว้พระมากกว่า 109 วัด สิ่งที่เห็นได้ชัดคือโบสถ์-วิหาร-ศาลา-กำแพงวัดหลายวัดสำเร็จได้จากเงินบริจาคของลูกทัวร์ นอก จากวัดมีการพัฒนาขึ้นชาวบ้านที่เอาของมาขายในวัดมีรายได้พิเศษทุกอาทิตย์" "ปี 2553 เดือนมีนาคม เราเพิ่มเส้นทางไหว้พระที่นครราชสีมา-อุทัยฯและระยองเพื่อตอบสนองลูกทัวร์ที่อยากไปไหว้พระไกลๆ เดินทางเช้า-กลับถึงกรุงเทพฯ ไม่เกิน 3 ทุ่ม" สนใจทัวร์ไหว้พระ 9 วัดกับขสมก.ติดต่อสอบ ถามโทร. 0-2551-0491, 0-2552-0885-6