พ่อแม่ไม่รัก...ออกจากบ้านใช่ทางออกแน่หรือ???

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย paang, 15 มกราคม 2008.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    เป็นสิ่งที่น่า "ตกใจ" เมื่อเปิดผลงานการวิจัยเรื่อง "ปัจจัยเสี่ยงต่อการสูญหาย : กรณีศึกษาเด็กและเยาวชน" ที่นายเอกบดินทร์ สิงห์กรี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุว่า เด็กหายออกจากบ้านมากขึ้น ไม่ใช่เพราะ "ถูกลักพาตัว" หรือ "ถูกหลอกให้ค้าประเวณี ขอทาน" มากขึ้น


    [​IMG]


    แต่ ณ ปัจจุบันนี้กลายเป็นว่า "เด็กสมัครใจ" หนีออกจากบ้านเอง ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้านโดย "สมัครใจ" นั้นคือ "ครอบครัว"

    ผลงานการวิจัยครั้งนี้เก็บข้อมูลจากผู้ปกครองของผู้สูญหายตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ปี 2550 เก็บข้อมูลในเชิงปริมาณ จำนวน 50 คน และในเชิงคุณภาพจำนวน 10 คน ผลสรุปพบว่า ภาคที่เกิดการสูญหายของเด็กมากที่สุดคือ ภาคกลางร้อยละ 54 รองลงมา เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 28 เป็นเด็กผู้หญิงมากถึงร้อยละ 88 ส่วนเด็กผู้ชายร้อยละ 12 แบ่งเป็นช่วงอายุของผู้สูญหาย โดยเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11-15 ปี สูญหายมากที่สุดคือ ร้อยละ 61 รองลงมาอายุระหว่าง 16-18 ปี ร้อยละ 34 และอายุระหว่าง 1-5 ปี สูญหายร้อยละ 4



    การศึกษาครั้งนี้ยังสำรวจปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กสูญหายด้วยว่า การที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาเลี้ยงดูบุตรนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงมากที่สุด คือร้อยละ 60 รองลงมา เด็กเยาวชนไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่แต่อาศัยอยู่กับญาติ มีจำนวนร้อยละ 56 และผู้ปกครองแยกทางกันร้อยละ 40

    เมื่อนำมาเทียบกับข้อมูลของมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้มีการรวบรวมสถานการณ์เด็กหายในรอบ 4 ปี ระหว่าง พ.ศ.2547-2550 พบว่ามีเด็กสูญหายจำนวน 518 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กหายตัวออกจากบ้านด้วยความ "สมัครใจ" มีมากถึง 111 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 79 คน เพศชาย 32 คน

    [​IMG]


    นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ บอกว่า เด็กที่สมัครใจหนีออกจากบ้านเองนั้นเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเมื่อออกจากบ้านไปต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการทำงานด้านมืด ขายบริการทางเพศ ขายแรงงานตามผับ บาร์ เพื่อหาหนทางเพื่อการอยู่รอด มีเพียงบางส่วนที่ยอมกลับบ้าน แต่บางคนก็ยอมทำงานค้าประเวณีต่อไป เพราะที่บ้านไม่ให้ความสุขพวกเขา

    ด้านนายเอกบดินทร์เจ้าของผลงานวิจัยบอกเพิ่มเติมว่า ครอบครัวไทยมีเวลาให้แก่กันน้อยลง จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งการหย่าร้าง การทะเลาะวิวาท ผลที่ตามมาคือ ทำให้เด็กมีปัญหามากขึ้น พ่อแม่ไม่เอาใจใส่ มัวแต่ทำงานหาเงินเพื่อเป็นทุนเลี้ยงชีพให้กับลูก โดยไม่คิดว่าสิ่งที่จะทำให้เด็กเติบโตเป็นคนคุณภาพได้คือ การให้ความอบอุ่น ความรัก ความเอาใจใส่ที่เพียงพอต่อเด็ก

    "จากที่เก็บข้อมูลนั้นทำให้พบว่า เด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ ครอบครัวทะเลาะกันบ่อย และปล่อยให้ลูกอยู่กับญาติพี่น้องจึงทำให้อยากไปไขว่คว้าความรักจากคนข้างนอก เช่น เพื่อน ซึ่งเด็กผู้ชายจะสมัครใจออกจากบ้านเพื่อไปคุมร้านเกมส์ ขายยาเสพติด ลักเล็กขโมยน้อย และต่อไปพวกเขาจะกลายเป็นอาชญากรของสังคม

    เมื่อปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น เจ้าของผลงานการวิจัยแนะนำว่า ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาเด็กหนีออกจากบ้านได้ ไม่ใช่ผลักดันให้ภาครัฐเป็นผู้รับผิดชอบแก้ไขปัญหาตามหาเด็ก เพราะจากที่ได้พูดคุยกับพ่อแม่เด็กที่หนีออกจากบ้านจะเห็นได้ว่า พ่อแม่จะมาตระหนักว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเมื่อลูกหายออกจากบ้าน แต่ไม่ได้หาทางแก้ปัญหาตั้งแต่ต้น ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาครอบครัวต้องเป็นสถาบันหลักที่ให้ความรักความเข้าใจที่เพียงพอต่อเด็ก โดยที่มีกฎหมายเป็นตัวช่วยคุ้มครองป้องกันเด็กหาย และช่วยเหลือเด็กที่สูญหายต่อไป

    ปัญหาเด็กหนีออกจากบ้านหรือสารพัดปัญหาของเด็กที่เกิดขึ้น ถึงเวลาหรือยังที่ "ผู้ใหญ่" ต้องหันมามอง "อนาคตของชาติ" บ้าง หรือเห็นว่าเป็นเรื่องของ "เด็ก" ไม่ใช่เรื่องของ "ผู้ใหญ่" ไปเสียแล้ว


    เรื่องจาก มติชนออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...