. "ช้างป่ากับหลวงปู่ขาว" " .. "หลวงปู่ขาว ชอบเผชิญอันตรายเกี่ยวกับช้างมากกว่าอย่างอื่น" ท่านว่าพอผ่านอันตรายจากคราวนั้นมาแล้วไม่นานนักเลย ก็ไปเจอกับช้างใหญ่ตัวหนึ่งเข้าอีกที่แม่ปาง จังหวัดลำปาง แทบเอาตัวไม่รอดคราวนี้ "ตัวนี้เป็นช้างป่าจริง ๆ มิได้เป็นช้างบ้านทีเขาเลี้ยงไว้" เหมือนคราวที่แล้วนั้น คือตอนกลางคืนท่านกำลังเดินจงกรมอยู่ "ได้ยินเสียงมันเดินบุกป่าฝ่าดงและเสียงไม้หักด้งปึงปัง ๆ มาตลอดทาง" โฉมหน้ามุ่งมายังท่านและเดินใกล้เข้ามาทุกที "จะหลบหลีกลุกหนีไปไหนก็ไม่ทัน จึงตัดสินใจว่า ธรรมดาช้างป่าทั้งหลายมักกลัวแสงไฟ" ท่านจึงรีบออกจากทางจงกรม "ไปเอาเทียนไขในที่พักมาจุดทีละหลาย ๆ เล่มปักเสียบรอบไว้ตามสายทางเดินจงกรมยาวเหยียดเชียว คนเรามองดูแส้วสว่างไสวงามตาเย็นใจ แต่ช้างมันจะมองไปในแง่ไหนนั้น" เราทราบไม่ได้ พอจุดเทียนปกเสียบไว้เสร็จเท่านั้น "ช้างก็เดินมาถึงนั่นพอดี" ขณะนั้นท่านเองไม่มีทางหลบหลีกปลีกตัว "มีแต่ตั้งสัตยาธิษฐานขอบันดาลคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงช่วยคุ้มครองป้องกัน อย่าให้ช้างใหญ่ตัวนี้ทำอันตรายแก่ข้าพระพุทธเจัาได้" พออธิษฐานจบลง "ช้างก็เข้ามาถึงที่นั่นพอดี และหยุดยืนกางหูตัวผึ่งอยู่ ไม่กระดุกกระดิกอว้ยวะส่วนใด ๆ ณ ข้างทางจงกรม" ห่างจากท่านประมาณวาเศษ ท่ามกลางไฟกำลังสว่างไสวอยู่รอบตัวท่าน เวลานั้นซึ่งมองเห็นช้างได้ถนัดข้ดเจน ท่านว่าช้างตัวนั้นใหญ่เท่าภูเขาลูกย่อม ๆ นี้เอง "ท่านเองก็เดินจึงกรมไปมาอยู่อย่างไม่สนใจกับมันเลย" ทั้งที่กลัวมันอย่างเต็มที ใจเหมือนกับขาดลมหายใจไปแล้ว แต่ขณะมองเห็นมันเดินเข้ามาหาอย่างผึ่งผาย "ทีแรกมีเพียงความรู้สึกที่เกี่ยวพันกับองค์พุทโธอย่างเหนี่ยวแน่น ที่น้อมมาระลึกเป็นองค์ประกันชีวิตเท่านั้น" นอกนั้นไม่คิดเห็นอะไรเลย "แม้ช้างทั้งตัวที่ใหญ่เท่าภูเขาทั้งลูกมายืนอยู่ข้างทางจงกรม ก็ไม่ยอมส่งจิตออกไปหามัน กลัวจิตจะพรากจากพุทโธ" ซึ่งเป็นองค์สรณะอันประเสริฐสุด "ในเวลานั้นพุทโธกับจิตกลมกลืนเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน จนใจหายกลัวเหลือแต่ความรู้กับคำบริกรรมพุทโธ" ซึ่งกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน ช้างก็คงยืนดูทานอยู่แบบภูเขา ไม่ยอมกระดุกกระดิกตัวเลยขณะนั้น "หูกางผึ่งราวกับจะแผ่เมตตาให้ไม่ยอมรับ เพราะลักษณะท่าทางที่มันเดินเข้ามาหาท่านทีแรก เหมือนจะเข้ามาขยี้ขยำอย่างไม่รีรอแม้ชั่ววินาทีหนึ่งเลย" แต่พอมาถึงที่นั่นแส้วกลับยืนตัวแข็งทื่อราวกับสัตว์ไม่มีหัวใจ "พอจิตกับพุทโธเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ท่านก็หายกลัวมิหนำยังกลับเกิดความกล้าหาญขึ้นมา" สามารถจะเดินเข้าไปหามันได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น แต่มาคิดอีกแง่หนึ่งว่า "การเดินเข้าไปหามันซึ่งเป็นสัตว์ร้าย อาจเป็นฐานะแห่งความประมาทอวดดีก็ได้" เป็นสิ่งไม่ควรทำ จึงเป็นเพียงเดินจงกรมแข่งกับการยืนของมันอย่างองอาจกล้าหาญ ราวกับไม่มีอันตรายใด ๆ จะเกิดขึ้นในที่นั้น "นับแต่ขณะข้างตัวนั้นเดินเข้ามายืนอยู่ที่นั้นเป็นเวลาชั่วโมงเศษ ๆ ไฟเทียนไขชนิดดี ๆ ยาว ๆ ที่จุดไว้ บางเล่มก็หมดไป บางเล่มก็จวนจะหมด มันจึงได้กลับหลังหัน" แล้วเดินกลับออกไปทางเก่าและเที่ยวหากินในแถบบริเวณนั้น เสียงหักไม้กินเป็นอาหารสนั่นป่าไปหมด "ท่านได้เห็นความอัศจรรย์ของจิตและของพุทโธ ประจักษ์ใจในคราวนั้นเป็นครั้งแรก" เพราะเป็นคราวจำเป็นจริง ๆ ไม่สามารถจะหลบหลีกปลีกตัวไปที่ไหนให้พ้นได้ นอกจากต้องสู้ด้วยวิธีนั้นเท่านั้น แม้ตายก็ยอมโดยไม่มีทางเลือกได้ นับแต่ขณะนั้นมาแล้ว "ทำให้เกิดความมั่นใจว่า เป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าจิตกับพุทโธ เป็นต้น ได้เข้าสนิทกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยหล้กธรรมชาติแล้ว ไม่สามารถทำอันตรายได้อย่างแน่นอน" นี่เป็นความีเชื่ออย่างสนิทใจตลอดมา .. " "ชีวประวัติของหลวงปู่ขาว" โดย (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)