ถาม.... ตอบ.......... ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ในเรื่องคุณไสยศาสตร์ เพื่อให้คุณได้เกิดความเข้าใจก่อนว่า การทำคุณไสยศาสตร์นั้น ในสมัยโบราณ ประมาณ 100 ปีขึ้นไป มีอาจารย์หรือผู้คงแต่เรียนสามารถทำได้จริง เพราะสมัยนั้นจิตใจคนสูง มีความฟุ้งซ่านน้อย หรือแทบไม่มีเลย การเล่าเรียนทางด้านศาสนาจึงก้าวหน้า ลืมบอกไปว่า การทำคุณไสยมีจุดเริ่มต้นมาจากศาสนา อย่างหนึ่ง และมาจากความต้องการทางสังคมอย่างหนึ่ง การทำคุณไสยศาสตร์ คือการที่ผู้เป็นอาจารย์จะเป็นผู้มีสมาธิหนักแน่น สามารถส่งกระแสจิต เข้าไปรบกวนผู้ถูกกระทำ ทำให้เกิดอาการแปลกๆ หรือบางครั้งก็เกิดมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ หรือบางรายก็สามารถทำคุณไสยศาสตร์ โดยการเคลื่อนย้ายวัตถูและสิ่งของจากภายนอกให้เข้าไปสู่ร่างกายของผู้ถูกกระทำ ซึ่งต้องใช้อำนาจจิตที่หนักแน่น และมั่นคงเป็นอย่างมาก ในสมัยก่อนโน้น เขาสามารถทำได้จริง ที่กล่าวว่าทำได้จริง หลายๆท่านคงอยากรู้ว่าเขาทำได้อย่างไรและเอาอะไรมาเป็นเครื่องพิสูจน์ ในทางการพิสูจน์ อำนาจจิตหรือเวทมนต์ บางชนิดสามารถเปลี่ยนวัตถุให้เป็นอนูอากาศ และให้เคลื่อนที่ไหลเขาไปในร่างกายของผู้ถูกกระทำทางผิวหนัง, ปาก, หู, ตา ,จมูก โดยสิ่งของเหล่านั้น จะไปคงรูปในจุดที่ต้องการให้คงรูป เช่น เสกหนังควาย หรือตะปู เข้าไปอยู่ในท้อง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งในเรื่องนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการหลายอย่างหลายๆเรื่องเอาเป็นว่าอธิบายหลักการพอสังเขปก็พอ ต่อมาในสมัยปัจจุบัน คงหายาก และคงจะไม่มีเสกหนังควาย หรือตะปู ได้อีก เพราะสมัยนี้ ความฟุ้งซ่านของคนมีเยอะ ยากที่จะทำให้จิตใจหรือสมาธิหนักแน่นได้ และการที่บุคคลจะถูกทำคุณไสยศาสตร์ โดยการส่งกระแสจิตให้บุคคลผู้ถูกกระทำ คิดหรือเกิดพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนจากปกติ ไม่ว่ายามตื่น หรือยามนอน ก็คงจะหาไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะสมัยนี้ สภาพอากาศ ไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยนี้ในอากาศเต็มไปด้วยคลื่นของสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ผู้ที่จะสามารถส่งกระแสจิตได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีศีลธรรมสูง ระดับอริยะบุคคลเท่านั้น เพราะบุคคลธรรมดาทั่วไป แม้จะมีสมาธิสูง หนักแน่น ก็คงไม่สามารถส่งกระแสจิตไปทำร้าย หรือทำคุณไสยต่อผู้ที่อยู่ห่างไกลตน และมองไม่เห็นอีกต่างหาก นี้กล่าวไปตามหลักวิชาการทางด้านศาสนานะขอรับ ส่วนอาการที่เกิดกับคุณนั้น ถ้าจะกล่าวไปตามหลักวิชาการทางด้านระบบของสรีระร่างกายของมนุยษ์แล้ว คุณไม่ได้ถูกคุณไสยศาสตร์อะไรทั้งสิ้น แต่สภาพร่างกายของคุณมีความเครียด จากการคิด จากการได้เห็น จากการได้รับรู้ทางอายตนะทั้งหลาย และได้จดจำเป็นคลื่นข้อมูลไว้ในสมอง จากสภาพร่างกายของคุณที่ได้กล่าวไป ทำให้เกิดความอ่อนล้าในอวัยวะที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ เส้นประสาท ต่างๆ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของระบบแห่งสรีระร่างกายเหล่านั้น คลื่นข้อมูลความจำที่ได้รับมาจึงคลื่นไปที่หัวใจฯและแปลงเป็นอารมณ์ รวมไปถึงความรู้สึกต่างๆ กลายเป็นรู้สึกว่า ถูกสิ่งที่ภาษาทั่วไปเรียกว่า"ผีอำ" แต่แท้ที่จริงแล้วเกิดจากคลื่นข้อมูลความจำสับสน ปรุงแต่งแล้วส่งไปที่หัวใจฯลฯ จนเกิดอาการดังกล่าว
ครั้งแรกในชีวิตที่เห็นด้วยกับ telwada<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_769200", true); </SCRIPT>
ผู้เรียนเวทย์อาคมในปัจจุบัน เห็นทีจะให้วิชาแข็งขันดังคนโบราณได้ยาก เหตุเพราะการเรียนวิชาเหล่านี้มีข้อจำกัดต่างๆ ในทางปฏิบัติเกี่ยวกับชีวิตประจำวันมาก ในทุกวันนี้ จะหาชนิดที่ถือศีลไม่พร่องได้ยาก โดยเฉพาะข้อวาจานั้น ผู้ใดเรียนอาคม เพียงคำสบถก็นับว่าเป็นเรื่องเสื่อมแล้ว
telwada<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_769200", true); </SCRIPT> ตอบได้สวยงามมาก ถูกใจจริงๆวันนี้ ความเข้าใจถูก ก็คือ ความจริง
ด้วยความเคารพอาการนี้คล้ายกับอีกรายที่ผมเคยได้ตอบไว้ในอีกกระทู้ ไม่ต้องตกใจครับ ไม่ใช่ของเขมร-พม่า-อเมริกา-จาไมก้า หรืออะไรแน่นอน ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า Sleep Paralysis Type Hallucinatory เช่นเดียวกับในอีกกระทู้ืที่ผมได้ตอบไว้เลยครับ อาการนี้ชาวบ้านที่ไม่รู้คิดว่าเป็นอาการผีอำหรือถูกคุณไสย เพราะผู้ประสบกับภาวะนี้โดยส่วนมากทุกเคสจะพบภาพหลอนร่วมด้วย การที่คุณขยับไม่ได้นั้น ไม่ใช่ใครมานั่งทับคุณไว้หรอกครับ แต่เป็นการที่ระบบการป้องกันตัวเองของร่างกาย ทำงานผิดพลาดคือโดยปกติแล้วเมื่อคุณเข้าสู่สภาวะหลับลึกและเริ่มฝัน สมองจะสั่งการให้หลังฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมาเพื่อป้องกันการขยับของร่างกาย ในขณะที่คุณฝัน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันร่างกายคุณเกิดอันตรายในขณะหลับ ซึ่งโดยทั้วไปการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนนี้จะหยุดเมื่อคุณตื่นพอดี แต่หากคุณตื่นแล้วฮอร์โมนนี้ยังคงหลั่งออกมาอยู่แน่นอนว่าเกิดจากความผิดพลาดของสมอง ซึ่งในกรณีของคุณเล่าว่ามีสติบ้างในขณะฝันด้วยเรียกว่าภาวะ Hypnagogic Sst. หรือทั่วไปเรียกว่าภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ในช่วงนี้แหละครับ อะไรต่อมิอะไรที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณจะออกมา หากเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความเชื่อเรื่องลึกลับอยู่แล้วด้วยละก็ผลออกมาตามที่คุณประสบนั่นแหละครับ มาต่อกันที่ทางแก้ไข 1.คือคุณต้องรับรู้ความจริงก่อนว่าร่างกายคุณเป็นอะไร (ซึ่งด้านบนนี้ก็บอกไปแล้ว) 2.ทำใจให้สบายอย่าคิดเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์มากเพราะมีผลต่อสมองโดยตรงอาจส่งผลให้ทำงานผิดเพี้ยนไปได้ดังที่ประสบอยู่ 3.หากทำตามด้านบนแล้วไม่หายหรือเข้าใจอะไรไม่ชัดเจน PM มาเอาเบอร์โทรผมไปได้ครับ ไม่คิดเงิน อยากช่วยครับ เห็นใจและเข้าใจผู้ที่ประสบกับสภาวะแบบนี้และห่วงว่าหากทิ้งไว้อาจจะมีอาการที่แย่ลงกว่าเดิมได้ ไม่ได้เงินทองผมก็ได้กุศลอยู่ดี (หากโทรมา รบกวนให้โทรช่วง 19 - 21 น.เพราะกลางวันอยู่เวร ดึกกว่านั้นต้องการพักผ่อนบ้างน่ะครับ)
เพิ่มเติม...... อาการที่เรียกว่าถูกผีอำนั้น จะไม่เกิดขึ้นบ่อย เหตุเพราะเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารอิ่มดี ไม่เครียด ไม่คิดมากจนเกินเหตุ ไม่ทำงานจนเหนื่อยอ่อนล้า อาการเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้น เรียกว่าใน 10 ปี อาจจะเกิดขี้นเพียงครั้งเดียว ก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลขอรับ
แต่ผมว่าเรื่องคุณไสย์มีจริง และท้าให้ไปพิสูจน์ได้ จะเล่าให้ฟัง คุณสมฯ ถูกแม่เรียกให้ไปพบที่บ้านอาจารย์ ป.เมื่อไปถึงก็บอกให้ทราบว่าถูกคุณไสย์เมียน้อยสามีจะฆ่าให้ตายแต่ไม่ทราบวันเดือนเกิด จึงแค่ทรมาณลื่นล้มในห้องน้ำ คุณสมฯ ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ขัดแม่ไม่ได้ อาจารย์ ป.จึงให้คุณสมฯ ออกไปดูเงาหัวตัวเองกลางแดด เงาหัวขาดจริง ๆ ก็กลับขึ้นมากราบให้ช่วย คงคิดว่าอาจารย์เล่นกล ท่านก็เอาอะไรก็ไม่ทราบมาครอบหัว แล้วให้ไปดูเงาหัวอีกครั้ง ปรากฏว่ามีตามปกติ เท่านี้นยังไม่พอ อาจารย์ ป.ให้หลานสาวคุณสมฯ ที่มาด้วยกันนั่งสมาธิดูด้วยว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เด็กอายุ ๑๒ ปี คนของเราเอง เท่าที่ผมดูท่านมักจะให้เด็ก ๆ ที่ไปด้วย เป็นคนของเราเองนั่งสมาธิ แล้วท่านก็นั่งกำกับสอนไปด้วย หลานสาวนั่งสมาธิเห็นปู่(สามีคุณสมฯ) ไปติดอยู่ที่อวัยวะเพศของคุณภรรยาน้อยของแก อธิบายให้ทุกคนฟังเสร็จ แล้วอาจารย์ ป.ก็บอกให้ไปดูแม่ซิอยู่ที่ไหน หลานก็บอกว่าได้ขี่ม้าไประยองเจอแม่ ก็เข้าไปทักแต่ไม่พูดด้วยเลยกลับมา เสร็จพิธีพากันกลับบ้าน ระหว่างทางคุณสมฯ ถามว่าได้เห็นแม่จริงหรือ หลานบอกว่าจริง คุณสมฯ : แม่ใส่เสื้อ กางเกงสีอะไร หลาน : เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ คุณสมฯ : เอาโทรศัพท์มา โทรไปหาแม่แกเดี๋ยวนี้ คุณสมฯ โทรหาน้องสาวที่อยู่ระยอง ถามว่าใส่เสื้อ กางเกงสีอะไร ปรากฎว่า ถูกต้องตามที่หลานสาวพูดทุกประการ อึ้งใหมพี่น้อง ? คุณสมฯ เป็นคนดื้อไม่เชื่ออะไรง่าย เรื่องนี้เพิ่งเกิดไม่นาน แล้วทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ผมตามไปพิสูจน์แล้วเป็นเรื่องจริง ใครอยากพิสูจน์เอาเด็กที่พอนั่งสมาธิไปด้วยเพราะเท่าที่เห็น บางคนก็นั่งไม่เห็น เดี๋ยวจะไม่สำเร็จ ของจริงต้องพิสูจน์ได้ อาจารย์ ป.ท่านเคยบวชมา ๑๓ ปี แต่ตอนนี้สึกเป็นฆราวาส อยู่ที่ อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร เรื่องแก้คุณไสย เรื่องง่าย ๆ แต่ไม่รับทำนะ รับแก้อย่างเดียว เงินทองไม่รับช่วยเหลือไม่มีการเรียกร้องเงินทอง นอกจากค่าครูนิดหน่อย แล้วผมจะพาไป........................สนมะ TELWADA ผมไม่บอกสามกษัตริย์ ให้ไปเจอคุณกลางทางหรอก ล้อเล่นน่า
แล้วใครว่าไม่มีจริงกันละคุณ เพียงแต่ว่า สม้ยนี้คงไม่มี ไม่อยากกล่าวหาพวกเขา เพราะข้าพเจ้าไม่อยากไปยุ่งทางหากินของเขานะคุณ แต่เรื่องที่ว่า เงาไม่มีหัวนั้น ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้ในเรื่องของมุมมองของสายตา เช่นการถ่ายหนัง ใช้มุมกล้องช่วยนะ