คำถามคือ ทำบุญ กับ ทำทานเหมือนกันรึเปล่า? ต่างกันยังไง? คำตอบคือ ไม่เหมือนกัน.. ทานเป็นเพียงหนึ่งในการกระทำที่ทำให้เกิดบุญ คำถาม: อ้าว! ถ้าการทำทานเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แล้วที่เหลือมีอะไรบ้างล่ะที่ทำแล้วได้ชื่อว่าเป็นการทำบุญ? คำตอบ: มาดูบุญกริยาวัตถุ๑๐กัน.. อย่า! อย่าเพิ่งตกใจกับชื่อนะ.. ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก.. มาดูดีกว่าว่าการกระทำแบบไหนที่เรียกว่าทำบุญบ้าง.. ๑. ทานมัย การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เป็นที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ๒- เป็นที่ตั้งของโภคทรัพย์ทั้งปวง ๓- ผู้ให้ย่อมได้รับความสุข ๔- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก ๕- ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีผู้อื่นไว้ได้ ๖- ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์น่านับถือ ๗- ทำให้เป็นที่น่าคบหาของคนดี ๘- ทำให้เข้ากับสังคมอื่นได้คล่องแคล่ว ๙- มีบุคลิกองอาจ สง่าผ่าเผย ๑๐- ทำให้มีชื่อเสียงเกียรติคุณดี ๑๑- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ ๒. สีลมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ ๒- ทำให้เกิดโภคทรัพย์ได้ ๓- ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่ม โดยไม่หวาดระแวง ๔-ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน ๕- ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ ๖- ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้าองอาจท่ามกลางชุมชน ๗- ทำให้ไม่เป็นคนหลงลืมสติ ๘- ตายแล้วไปเกิดในสุคตภูมิ ๓. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ๑- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ๒- มีผิวพรรณผ่องใส ๓- มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ๔- มีความจำดี และกำลังปัญญาว่องไว ๕- เป็นคนใจคอเยือกเย็น ๖- เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น ๗- มีบุคลิกอันน่าศรัทธา ๘- เกิดในตระกูลดี ๙- มีบุคลิกสง่างาม ๑๐- มีมิตรสหายมาก ๑๑- เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไป ๑๒- เป็นที่ชื่นชอบของบัณฑิต ๑๓- สมบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔ ๑๔- ปราศจากอกุศลทั้งปวง ๑๕- ปลอดภัยจากศาสตราวุธ ๑๖- มีอายุยืน ๑๗- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ ๔. อปจายนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อผู้ที่ควรเคารพนบนอบ (คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เกิดในตระกูลสูง ๒- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ๓- มีมิตรสหายดี ๔- ได้รับคำชมเชยอยู่เสมอ ๕- มีความสมบูรณ์ในทรัพย์ ๖- ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ตนปรารถนา ๕. เวยยาวัจจะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีความเป็นอยู่ดี สุขกายสุขใจ ๒- มีมิตรสหายมาก ๓- มีไหวพริบความจำดี ๔- มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๖. ปัตติทานะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น (การแผ่เมตตา) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ไม่มีความอดอยาก ยากจน ๒- ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ๓- มีบริวารดี ๔- เป็นที่รักของผู้พบเห็น ๕- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ๖- มีอายุยืน ๗. ปัตตานุโมทนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีสุขภาพสมบูรณ์ ๒- มีฐานะดี ๓- มากไปด้วยลาภสักการะ ๔- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ๘. ธัมมสวนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เกิดในตระกูลสูง ๒- มีสติปัญญาดี ๓- มีมิตรสหายดี ๔- มีความเชื่อมั่นในตนเอง ๙. ธัมมเทสนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ไม่มีกลิ่นปาก ๒- มีฟันขาวเรียบ ๓- บุตรบริวารมีความเชื่อฟัง ๔- มีบุคลิกสง่างาม ๕- มีความจำดี ๖- เป็นที่ไว้วางใจแก่ผุ้พบเห็น ๑๐.ทิฏฐุชุกรรม บุญที่สำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีปัญญาดี ๒- ไม่อดอยาก ๓- ไม่ยากจน ๔- มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ๕- มีบุคลิกสง่างาม ๖- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ๗- มีฐานะความเป็นอยู่ดี ๘- มีบริวารมาก ๙- มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น บุญกริยาวัตถุ ๑๐ เมื่อสงเคราะห์ลงในทาน ศีล ภาวนา ได้ดังนี้คือ <CENTER>ทาน ปัตติทานะ ปัตตานุโมทนา สงเคราะห์ใน ทาน ศีล อปจายะ เวยยาวัจจะ สงเคราะห์ใน ศีล ภาวนา ธัมมสวนะ ธัมมเทสนา ทิฏฐุชุกรรม สงเคราะห์ใน ภาวนา</CENTER> ภาวนามัย อานิสงค์ ๑๗ ข้อดังกล่าว จะสรุปได้ว่า บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ได้บุญ เพราะจิต ได้ ข่ม ลด ละ เลิก ตัด กิเลส เป็น ชั้นๆ จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ คือ พระนิพพาน <CENTER>ในจำนวน ๑๐ ข้อ ภาวนามัย จึงสำคัญ ที่ สุด เพราะเป็น ปฏิบัติบูชา </CENTER> มาทำบุญให้ครบสิบข้อกันดีกว่า ........................... อ้างอิงจาก http://larndham.net/index.php?showtopic=15763&st=1 http://larndham.net/index.php?showtopic=16056&st=5 http://larnbuddhism.net/buddha/shadok/shadok17.html<!-- Signature -->