ขออนุญาติเสนอ ถ้าเห็นไม่สมควรประการใดก็ว่ากล่าวตักเตือนได้ครับ ผมเห็นหลายๆท่านในเวป หรือคนอื่นๆพูดถึงเรื่องโชคดีและโชคร้าย ที่มีการเกี่ยวข้องกับจำนวนเงิน เช่นการถูกหวยและการได้ลาภ หรือการที่สูญเสียทรัพย์สิน โดนปล้น กรรมต่างๆเหล่านี้ไม่ได้ถูกคำนวนมาเป็นจำนวน ที่ได้เคยให้หรือขโมยมา เช่นที่เคยเชื่อว่า ทำบุญ 10 บาท จะได้คืน 10 เท่า ก็คือ 10x10 = 100 กรรมไม่ได้เคยติดตามค่าเงินหรือสินค้าที่เป็นสิ่่งสมมติของมนุษย์ แต่กรรมที่ส่งผลนั้นติดตามจากจิตที่รับรู้ เช่น ถ้าสมมติคุณช่วยเหลือขอทานให้หายหิวในชาติที่แล้ว เอาซัก 50 ปีที่แล้ว ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ราคา 50 สต. มาชาตินี้คุณได้บุญกุศลนั้นคืนคุณหิวมากก็มีคนมาเลี้ยงข้าวให้คุณอิ่ม ปัจจุบันก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม 30 บาท หรือ ชาติที่แล้วคุณไปปล้นจี้เค้ามาได้เงิน 20,000 บาท ทำให้เจ้าทุกข์หมดสิ้นเนื้อประดาตัวทำมาหากินไม่ได้ต้องทุกข์ทรมาน มาในชาติภพใหม่คุณบังเอิญมีบุญจากการเร่งทำกุศลหลังจากที่ปล้นเค้ามาก่อนตายทำให้มาเกิดมีทรัพย์สมบัติเยอะ มีซัก 10,000,000 บาท ทำธุรกิจอยู่ด้วยวงเงินเท่านี้ แต่กรรมจะทำให้คุณมีเหตุให้ฉิบหายทางทรัพย์ด้วยภัยต่างๆ จนสิ้นเนื้อประดาตัวตามกรรมที่คุณได้เคยทำไว้ กรรมจะสนองที่จิตในขณะที่เจ้าทุกข์ได้รับจากการกระทำของคุณเองไม่ใช่ที่จำนวน เจริญในธรรมครับ
ก็คือกรรมจะสนองที่ผลของจิต ไม่ใช่จำนวนครับ ส่วนกรรมที่สนองในทางกายก็จะสนองในทางกาย แต่ไม่ได้กำหนดที่จำนวนของทรัพย์สินหรือปริมาณของทรัพย์สินครับ เรื่องทรัพย์สมบัติต่างๆเป็นสิ่งสมมติของมนุษย์เท่านั้น อย่างคนในสมัยก่อนก็สร้างเจดีย์สร้างวัดกันด้วยแรงกายแรงใจ แต่พอมาเกิดใหม่ก็มีทรัพย์สมบัติมากมายจากการกระทำในชาติที่ผ่านมา กรรมกำหนดที่ความสุขกายสุขใจหรือทุกข์กายทุกข์ใจครับ
โมทนาครับ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ถ้าเราฆ่าคนตาย เรา (อาจจะ) ไม่จำเป็นต้องถูกเขาตามมาฆ่าคืน แต่เราจะได้รับกรรมในรูปแบบอื่น เช่น ป่วยบ่อย เพราะกรรมจากปาณาติบาต เป็นต้น กรรมจะทยอยส่งผลจนกว่า กรรมจะถูกอโหสิกรรม หรือ ชดใช้กันจนพอแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "กฎแห่งกรรม เที่ยงตรงเสมอ" โมทนา
ขอบคุณที่ท่านมาช่วยอธิบายขยายความครับ ผมอธิบายในสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ดีพอ ที่ผมมาอธิบายนี้ก็เพื่อจะบอกว่าการทำบุญหลายคนยังเข้าใจผิดกันอยู่ เช่น ทำบุญทำทานในชาตินี้หวังว่าชาติหน้าจะได้คืนเป็น 10 เท่า 100 เท่า ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจในการกระทำของจิตตัวเองและระดับบุญบารมีหรือศีลของผู้รับผลจากการกระทำเท่านั้น
สิ่งทีต้องทำของชาวพุทธเรา คือต้องไม่สร้างกรรมเพิ่ม มีศีลเป็นพื้นฐาน ทำทาน และปฏิบัติภาวนา เป็นประจำ กรรมที่ผ่านมาแก้ไขไม่ได้ เพราะทำไปเรียบร้อยแล้ว ลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม เมื่อทำไปแล้ว ก็ต้องกล้ารับ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่จิตดวงนี้แหละได้ไปก่อกรรมไว้แล้ว เมื่อเราทำปัจจุบันให้ดี ประกอบไปด้วยศีล ทาน และภาวนา วิบากกรรมต่างๆ หนักอาจจะเป็นเบา เบาอาจจะเบามาก หรืออโหสิกรรมกันไปเลย.. ทำปัจจุบันให้ดีอยู่เสมอ อนาคตก็จะดีเอง เพราะทำเหตุไว้ดี ผลย่อมดี เป็นธรรมดา อนุโมทนา ครับ..
ไม่ใช่ความเข้าใจผิดหรอกครับ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าบุญจะส่งผลกลับคืนเป็น 10 เท่า 100 เท่า ไม่ใช่ความเชื่อที่ผิดแต่อย่างใด ความจริงนี่เวลาบุญส่งผลจะตอบแทนแก่เจ้าของบุญมากกว่านั้นเยอะ เป็นพันเท่า แสนเท่า ล้านเท่า พันล้านเท่า ล้านล้านเท่า หรือมากกว่าไปอีกครับ ซึ่งบุญจะทับทวีมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน เช่นทรัพย์ได้มาโดยบริสุทธิ์ มีเจตนาบริสุทธิ์ และเนื้อนาบุญบริสุทธิ์ ถ้าครบทั้งสามอย่างผลบุญจะทับทวีเป็นอสงไขยจนนับประมาณมิได้
ถ้ามันง่ายอย่างที่ว่า วัฎฎะนี้ก็ไม่น่ากลัวเลย แต่ความจริงมันเลวร้ายกว่าที่จะจินตนาการไปถึง กรรมปาณาติบาตรุนแรงมากนัก ฆ่าครั้งเดียวเวลาชดใช้ต้องถูกฆ่าในนรกนับครั้งไม่ถ้วน พ้นนรกมาได้ก็ต้องมาเป็นสัตว์ให้เขาฆ่าจนกระดูกกองเป็นภูเขา เศษกรรมที่เหลือนั้นจึงทำให้เจ็บป่วย อายุสั้น นี่แหละกฏแห่งกรรม มันเที่ยงตรงแต่ก็โหดร้าย กรรมปาณาติบาตที่เมื่อทำไปแล้วจะไม่ถูกฆ่าตอบ มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่ตัดกรรมนี้ได้เหมือนอย่างพระองคุลีมาร ที่ฆ่าคนตั้งเกือบพัน ธรรมดากรรมนี้จะต้องไปตกนรก แต่เมื่อท่านได้ออกบวช กรรมก็เบาบางลงแต่ท่านก็ต้องชดใช้ถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนศีรษะแตก จีวรขาดแทบทุกวัน จนท่านเป็นพระอรหันต์เข้านิพพาน กรรมจึงเป็นอโหสิกรรม
อธิบายเพิ่มเติมให้นะครับว่า การทำกรรมนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราทำกับใครครับ เช่น ถ้าเราฆ่าคน 1 คน อาจจะบาป 1 เท่า ถ้าเราฆ่าพระ 1 รูป อาจจะบาป 5 เท่า (เพราะท่านศีลเหนือกว่าเรา) ถ้าเราฆ่าพ่อหรือแม่ 1 คน อาจจะบาป 100 เท่า (เพราะเป็นอนันตริยกรรม) เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำบุญกับสัตว์ อาจได้ 1 เท่า ทำบุญกับคน อาจได้ 5 เท่า ทำบุญกับพ่อแม่ อาจได้ 10 เท่า ทำบุญกับพระอรหันต์ อาจะได้ 50 เท่า ทำบุญกับพระพุทธเจ้า อาจจะได้ 1,000 เท่า ดังนั้นการทำกรรมดี หรือ กรรมชั่ว 1 ครั้ง แม้การกระทำเดียวกัน แต่อาจได้รับผลไม่เท่ากัน ก็เป็นได้ครับ โมทนา
ผมก็ขออนุโมทนากับการให้ความรู้ในหลักธรรมกับของทุกท่านครับ ขออนุญาติเพิ่มข้อความนะครับ ผลของกรรมอยู่ที่ความตั้งใจของผู้กระทำและระดับบุญบารมีหรือศีลหรือสถานะของผู้รับ และผลของการกระทำ ทั้งนี้ยังมีตัวแปรอีกอย่างในการส่งผลของกรรมของผู้กระทำคือระดับจิตของผู้กระทำและผู้รับในปัจจุบันด้วย การทำบุญกุศลอย่าคิดหวังที่ทรัพย์สินเงินทอง ควรคิดในด้านจิตใจ ไม่ว่าจะกระทำการใดๆทั้งสิ้น ก็มีแต่จิตเท่านั้นที่เป็นผู้รับ เจริญในธรรมครับ