เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 สิงหาคม 2025 at 17:25.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดหัวรัง ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมอบรมพระนวกะ ของคณะสงฆ์อำเภอพนมทวนและอำเภอห้วยกระเจา นำโดยพระมหาธวัชชัย กลฺยาโณ ป.ธ.๙ เจ้าคณะอำเภอพนมทวน และท่านเจ้าคุณพระศรีวชิรสุธี (ชะโลม ปญฺญาวชิโร ป.ธ.๙) เจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา

    ทั้งอำเภอพนมทวนและอำเภอห้วยกระเจานั้น ได้ทำการเปิดประชุมอบรมพระนวกะร่วมกันมาหลายปีแล้ว เนื่องเพราะว่าทั้ง ๒ อำเภอมีผู้บวชใหม่ค่อนข้างน้อยกว่าอำเภออื่น ถ้าต่างคนต่างจัดงานก็จะสิ้นเปลืองมาก เจ้าคณะอำเภอทั้ง ๒ อำเภอจึงได้ร่วมมือกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพคนละ ๑ ปี ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าลดการสิ้นเปลืองลงไปได้มาก

    แล้วพระนวกะของแต่ละอำเภอนั้น นอกจากจะรู้จักกันเองแล้ว ยังได้รู้จักเพื่อนพระนวกะของอีก ๑ อำเภอด้วย ถ้าหากว่าสามารถอยู่ต่อและเติบโตขึ้นไป ก็จะมีสหธรรมิกที่ร่วมประชุมอบรมกันมาตั้งแต่บวชใหม่ ๆ กลายเป็นสายสัมพันธ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารกิจการคณะสงฆ์

    สำหรับวัดหัวรังนั้น เจ้าอาวาสคือพระครูปลัดสุพรรณ สุภทฺโท ท่านได้นิมนต์กระผม/อาตมภาพมาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดนี้ครั้งหนึ่ง และมาร่วมงานอธิษฐานจิตหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น..แม้ว่าวัดของท่านหนทางจะค่อนข้างสลับซับซ้อน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

    วันนี้ ทางเจ้าคณะปกครองระดับสูง ได้แก่ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

    พระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร

    พระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)

    พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดเทวสังฆาราม

    และ พระเดชพระคุณพระครูกาญจนสิรินธร (นรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. ๕) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดรางสมอ

    ตลอดจนกระผม/อาตมภาพ ได้มาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    ในพิธีเปิดนั้น การให้โอวาทช่วงสุดท้าย พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้บอกกับพระใหม่ทั้งหลายว่า ช่วงนี้ถ้าหากว่ามีตำรวจเข้าไปในวัด ก็ไม่ต้องตกใจ ปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของเจ้าอาวาส ที่จะเป็นผู้ให้ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ทางตำรวจขอมา

    เมื่อกระผม/อาตมภาพได้ยินตรงนี้แล้ว จึงรอจนกระทั่งท่านให้โอวาทเสร็จเรียบร้อยลงมา แล้วกราบเรียนท่านว่า ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น พอทางตำรวจเริ่มต้นในการสำรวจข้อมูลที่ตำบลลิ่นถิ่น ทางฝ่ายปกครองของคณะสงฆ์ตั้งแต่พระเดชพระคุณพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ พระเดชพระคุณพระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ตลอดจนกระผม/อาตมภาพ ก็ได้มีการประชุมกองงานเลขานุการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ แล้วตกลงร่วมกันว่า ขอให้ทางตำรวจหยุดการเข้าไปสำรวจข้อมูลต่าง ๆ ด้วยตนเอง จะให้ทางกองงานเลขานุการคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เป็นผู้เข้าไปขอข้อมูลทุกอย่างที่ทางตำรวจต้องการจากเจ้าอาวาสแต่ละวัดเอง

    เมื่อถึงเวลารวบรวมครบแล้ว ก็จะส่งให้กับทางตำรวจ ซึ่งเป็นวิธีการที่นุ่มนวลและง่ายกว่า ไม่ทำให้เกิดการเอิกเกริก เป็นที่ตระหนกตกใจของบรรดาเจ้าอาวาส เจ้าสำนักสงฆ์ด้วย แล้วก็ได้รับความร่วมมือจากทางสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินดังนั้น ทางพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็ยังกล่าวขอบอกขอบใจคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งพยายามหาวิธีการที่นุ่มนวลที่สุดออกมาจนได้

    แต่ว่าในส่วนนี้นั้น กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุก็คือเงินสงฆ์นั้นไม่ใช่เงินงบประมาณแผ่นดิน เป็นเงินที่มาจากศรัทธาญาติโยมต่าง ๆ ที่ให้การทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา มีวิธีการจัดการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กำหนดเอาไว้ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาลแล้ว อย่างเช่น กำหนดให้มีไวยาวัจกรเข้ามาร่วมจัดการงานตรงนี้ ตลอดจนกระทั่งพระเถระในสมัยก่อน ก็ได้กำหนดให้บรรดาไวยาวัจกรเป็นผู้ช่วยเหลืองานคณะสงฆ์เป็นต้น แม้แต่ปัจจุบันนี้ ทางคณะสงฆ์ธรรมยุตก็ยังกำหนดตัวบุคคล ทั้งไวยาวัจกรและคณะกรรมการวัด เข้ามาดูแลการเงินของสงฆ์เช่นกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    มาระยะหลังนั้น ทางบ้านเมืองเกิดเห็นว่าสมควรที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางคณะสงฆ์บ้าง ก็จัดสรรงบประมาณมาในสมัยที่เป็นกรมการศาสนา เป็นการให้ขาด อย่างเช่นว่าถวายไปเพื่ออุดหนุนการปฏิบัติหน้าที่ทางคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษา ด้านการสาธารณูปการ ด้านการสาธารณะสงเคราะห์ และด้านการศึกษาสงเคราะห์ เป็นการถวายแบบให้ขาด คณะสงฆ์จะดำเนินการแบบใดก็ตามอัธยาศัย ซึ่งการกระทำลักษณะนี้นั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง

    เนื่องเพราะว่าชุมชนรอบวัด โดยเฉพาะหน่วยราชการมักจะมาขอความช่วยเหลือบ้าง ขอใช้สถานที่บ้าง ในการจัดงานจัดการต่าง ๆ เพราะว่าวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นวัดท่าขนุน เป็นต้น

    จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเคย "แซว" ไปแรง ๆ ว่า "มีแต่มาขอให้ทางวัดช่วยเหลือ ทำไมไม่มีอะไรมาช่วยเหลือวัดบ้าง ? โยกงบประมาณมาให้สักเล็กน้อยก็ยังดี" บรรดาข้าราชการที่มีความสนิทสนมกัน ยังกล่าวแบบเต็มปากเต็มคำว่า "โดยปกติแล้วยังต้องมาขอเงินหลวงพ่อเพิ่มด้วยนะครับ ขอแค่ใช้สถานที่ รบกวนหลวงพ่อเรื่องน้ำไฟ ตลอดจนกระทั่งอาหารนี่ถือว่าน้อยมากแล้ว..!" ก็ยังมีการหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน

    แต่ว่ามาระยะหลัง เกิดสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินขึ้นมา ทำให้การถวายเงินแบบถวายไม่ขาดเกิดขึ้น ก็คือให้แล้วยังต้องมีการส่งรายงานว่าเอาไปใช้ในเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งหลายต่อหลายเรื่องนั้น พอเรารายงานไป ทางราชการก็ไม่ยอมรับ บอกว่าใช้ในเรื่องนั้นไม่ได้ ใช้ในเรื่องนี้ไม่ได้ ทางวัดก็พยายามที่จะปรับการใช้ให้เป็นไปตามความต้องการของทางราชการ เพื่อให้เขาสามารถรายงานต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้

    แต่แล้วในที่สุดก็เกิดปัญหาขึ้นมา เกี่ยวกับการที่ตำรวจบุกเข้าไปจับตัว พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) วัดสามพระยาวร วิหาร ก็ดี พระเดชพระคุณพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ก็ดี พระเดชพระคุณอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร ก็ตาม
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    แล้วในที่สุด เมื่อการสอบสวนเกิดขึ้นแล้ว ปรากฏว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ว่าชื่อเสียงเกียรติยศต่าง ๆ ที่สั่งสมมาตั้งแต่ต้น ตลอดจนกระทั่งตำแหน่งหน้าที่การงานต่าง ๆ ก็กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว..!

    ยังดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาธิคุณ ได้ถวายคืนสมณศักดิ์ให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมสิทธิ โดยเฉพาะทางด้านหลวงพ่อพระพรหมสิทธินั้น ทางคณะสงฆ์ยังถวายตำแหน่งเจ้าคณะภาคคืนให้ด้วย ท่านจึงยังพอมีตำแหน่งแห่งที่การยืนในคณะสงฆ์

    ส่วนพระเดชพระคุณอดีตพระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร นั้น เนื่องจากท่านเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรม จึงได้ขอลี้ภัยไปอยู่ประเทศเยอรมัน แล้วก็ขอกลับมาสู้คดีในไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านจึงยังไม่ได้รับอะไรคืนมาแม้แต่อย่างเดียว นอกจากความเป็นพระจำนงค์ ธมฺมจารีที่เหลืออยู่ เพราะว่าในส่วนอื่นนั้น ทางตำรวจรายงานกับทางคณะสงฆ์ แล้วมีการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดออกจากทุกตำแหน่ง..!

    นเมื่อเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ทำให้วัดวาอารามต่าง ๆ ไม่มีใครกล้าขอเบิกงบประมาณสนับสนุนอีก ในปีที่แล้วและปีนี้ จึงเกิดเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คือทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่ละจังหวัด ไปกราบขอร้องให้บรรดาพระสังฆาธิการในจังหวัดของตน ทำเรื่องเบิกงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ ด้วย เนื่องเพราะว่าเรื่องของงบประมาณนั้น มีการกระทำที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า "ทุเรศมาก" ก็คือถ้าไม่มีการเบิกงบประมาณก็จะเรียกคืน แล้วปีต่อไปก็จะไม่ให้อีก เพราะถือว่าขอไปแล้วไม่ได้ใช้งาน

    ในเมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ทุกท่านก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่า ในเรื่องของเงินแผ่นดินที่เข้ามายุ่งกับทางคณะสงฆ์ โดยที่อยู่ในลักษณะถวายแล้วปล่อยวางไม่ได้ ทำให้คณะสงฆ์ต้องเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ในเมื่อมาปัจจุบันนี้ มีคณะสงฆ์จำนวนหนึ่ง ของบรรดาอดีตพระเถระ ซึ่งโดนข้อหาเกี่ยวข้องกับ "สีกากอล์ฟ" จนต้องสึกหาลาเพศไป ทั้งที่บางท่านก็แค่อาบัติสังฆาทิเสสตามที่เขาแจ้งมา ซึ่งเป็นอาบัติที่ทางคณะสงฆ์สามารถดำเนินการตามวุฏฐานวิธีเพื่อออกจากอาบัตินั้นได้ แต่ว่าโดนกดดันจนต้องสึกหาลาเพศไปจนหมด..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,739
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,835
    ค่าพลัง:
    +26,693
    แล้วทางด้านฝ่ายบ้านเมืองก็รุกคืบเข้ามา ในลักษณะขอตรวจสอบทุกวัด โดยที่ตนเองก็ไม่ได้มีอำนาจในการตรวจสอบ เนื่องเพราะว่าเป็นการข้ามหน่วยงานเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่มหาเถรสมาคมของเราต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตามที่มีคำพูดชุ่ย ๆ ห่วย ๆ ประเภทที่ว่า "ถ้าไม่ทำผิดแล้วต้องกลัวอะไร" ขึ้นมา

    แต่กลายเป็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ในสายตาญาติโยมก็คือคณะสงฆ์กลายเป็นผู้ร้ายทั้งหมด เพราะว่ามีตำรวจบุกเข้าไปที่วัดโน้นวัดนี้ แม้ว่าจะเป็นการทำการตรวจสอบ แต่ตำรวจไม่มีการประกาศว่าตรวจสอบแล้วพระบริสุทธิ์ ก็แล้วแต่ชาวบ้านเขาจะคิดไป ซึ่งการคิดของคนนั้นก็มักจะคิดได้ชั่วร้ายมากกว่าสิ่งที่บุคคลอื่นทำอยู่เสมอ ทำให้เกิดความเสียหายกับคณะสงฆ์อย่างรุนแรง จนกระทั่งชักชวนกันอยู่ในลักษณะที่ว่า ไม่ควรที่จะไปทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาอีก

    ขอให้ท่านทั้งหลายลองตรึกตรองดูว่า องค์กรพุทธบริษัท ๔ ก็คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งให้การอุปถัมภ์ค้ำจุนกันทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันก็ดี ทฤษฎีบวร (บ้าน วัด โรงเรียน) ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรก็ตาม ต้องมาล่มสลายลง เพราะการกระทำในลักษณะ "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น" อยู่ในลักษณะที่ว่าถ้าเหยียบพระภิกษุสามเณรขึ้นไปแล้วตนเองจะเด่นของบุคคลแค่บางคนเท่านั้น ทำให้การร่วมมือระหว่างวัด บ้าน โรงเรียน และส่วนราชการ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเรานั้น ได้ทรงคิดมาด้วยความรอบคอบแล้ว ถึงได้พระราชทานพระราชดำริลงมา ต้องพังทลายลงไปจนหมดสิ้น..!

    กระผม/อาตมภาพได้รับข้อความจากบรรดาเพื่อนพระสหธรรมิกก็ดี เพื่อนพระสังฆาธิการก็ตาม บอกว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทางส่วนราชการใด ๆ มาขอความร่วมมือจากทางวัด ทางวัดก็จะไม่ให้ความร่วมมืออีก จะขออยู่ในที่ตั้งของตนเอง สิ่งต่าง ๆ ที่เคยอุดหนุนสนับสนุนให้กับบุคคลที่อยู่รอบวัดก็คงต้องงดลง เพราะว่าการทำบุญนั้นหายไปเกินครึ่ง แค่ให้มีค่าน้ำค่าไฟในแต่ละเดือนก็ยากแล้ว..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรง ชนิดที่คิดไม่ถึง เพราะว่าก่อให้เกิดการแตกสามัคคีไปทั่วทั้งประเทศไทย..! กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หวังว่าพระเถรานุเถระ โดยเฉพาะเจ้าคณะปกครองของเราจะสามารถทุ่มเทสติปัญญา หาทางออกที่นุ่มนวลที่สุดให้กับลูกพระลูกเณรของท่าน ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรา คงสามารถทำได้แค่ที่เล่าให้ท่านทั้งหลายฟังเท่านั้น

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...